'สนธิรัตน์' นำทีมดูงานบริหารจัดการสต็อคสินค้าในเครือกลุ่มอาลีบาบา

'สนธิรัตน์' นำทีมดูงานบริหารจัดการสต็อคสินค้าในเครือกลุ่มอาลีบาบา

"สนธิรัตน์ " นำทีมดูงานบริหารจัดการสต็อคสินค้าที่ทันสมัยที่สุดในโลกในเครือกลุ่มอาลีบาบา เผยเตรียมเชิญผู้ประกอบการโลจิสติกส์ไทยหารือเชี่อมโยงไช่เหนี่ยว หวังดันไทยเป็นฮับในภูมิภาค


"สนธิรัตน์ " นำทีมดูงานบริหารจัดการสต็อคสินค้าที่ทันสมัยที่สุดในโลกในเครือกลุ่มอาลีบาบา เผยเตรียมเชิญผู้ประกอบการโลจิสติกส์ไทยหารือเชี่อมโยงไช่เหนี่ยว หวังดันไทยเป็นฮับในภูมิภาค

 นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตนพร้อมด้วยนายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมกิจการไช่หนี่ยวเน็ตเวิร์ค (Cainigo Network) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ชั้นนำของโลก ภายใต้อาลีบาบากรุ๊ป โดยศูนย์กลางโลจิสติกส์ล้ำยุคดังกล่าว ตั้งอยู่ในเมืองอู๋ชี ใกล้กับนครเซี่ยงไฮ้ทางด้านตะวันออกของ ประเทศจีน


บริษัทไช่เหนี่ยว เน๊ตเวิร์ค มีการนำเทคโนโลยีชั้นนำ คือ AI (Artificial Intelligence) , Edge computing และ ลองเรนจ์ (LoRa)-IoT มาใช้


เข้ามาใช้กับระบบสายพานอัตโนมัติพร้อมแขนหุ่นยนต์ รวมถึงหุ่นยนต์ AGV (Automatic Guided Vehicles) กว่า 500 ตัว ทำหน้าที่ในการหยิบและแพ็คสินค้า ช่วยลดขั้นตอนการทำงานของพนักงานได้ถึง 50,000 ขั้นตอนต่อคนต่อวัน นอกจากนี้ ภายในคลังสินค้ายังใช้เซนเซอร์อินฟราเรด ที่สามารถระบุความสูงของกองสินค้าคงคลัง และใช้กล้องคำนวณความสามารถในการบรรจุของคลังแบบเรียลไทม์ ทำให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและรวดเร็ว ปัจจุบัน ไช่เหนี่ยวสามารถให้บริการส่งสินค้าไปยัง 30 เมืองในต่างประเทศครอบคลุมทุกภูมิภาคได้ภายใน 5 วัน  โดยมีเป้าหมายจะให้บริการส่งสินค้าไปยังทุกพื้นที่ในโลกภายใน 72 ชั่วโมง ภายใน 3 ปี 


นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ระบบดังกล่าวถือเป็นระบบที่ทันสมัย สามารถลดต้นทุน เวลาการจนส่งสินค้าได้ ซึ่งถือได้ว่า เป็นการข้ามการทำการค้ายุคเก่าอย่างสิ้นเชิง ซึ่งตนได้สั่งการให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เชิญผู้ประกอบการโลจิสติกส์เข้ามาหารือเกี่ยวกับการสร้างความเชื่อมโยงกับไช่หนี่ยวเน็ตเวิร์คโดยเร็ว เพราะกิจการโลจิสติกส์จำเป็นต้องอาศัยเครือข่าย โดยมีเป้าหมายคือต้องการยกระดับให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง หรือ ฮับโลจิสติกส์อัจฉริยะในภูมิภาค ซึ่งแนวโน้มการค้าโลกที่มุ่งสู่ยุค E-Commerce อย่างเต็มรูปแบบคงหนีไม่พ้นที่จะต้องพัฒนาเครือข่ายโลจิสติกส์อัจฉริยะลดต้นทุนและเวลาการขนส่งให้ถึงมือผู้บริโภคเร็วที่สุด