'ภูมิธรรม' ยันเพื่อไทยไม่ร่วมถกคสช. -จี้ปลดล็อก

'ภูมิธรรม' ยันเพื่อไทยไม่ร่วมถกคสช. -จี้ปลดล็อก

"เพื่อไทย" ตั้งสาขาสมุทรปราการ "ภูมิธรรม" ยันเพื่อไทยไม่ร่วมถกคสช. จี้ปลดล็อก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 4 พ.ย.61 ที่รร.เดอะคัลเลอร์ ลีฟวิ่ง จ.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ได้เปิดรับสมัครสมาชิกใหม่และเชิญประชุมสมาชิก เพื่อจัดตั้งสาขาพรรคลำดับที่ 3 ในพื้นที่ภาคกลาง โดยมีพล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค และอดีต ส.ส.สมุทรปราการ อาทิ นายวรชัย เหมะ นายประเสริฐ ชัยกิจเด่นนภาลัย นางอนุสรา ยังตรง นางสลิลทิพย์ สุขวัฒน์ พร้อมด้วยสมาชิกกว่า 200 คนเข้าร่วมประชุมอย่างคึกคัก

โดยนายภูมิธรรม เวชชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคจะดำเนินการจัดตั้งสาขาพรรคให้ครบทั้ง 4 สาขา ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ขณะนี้เหลือเพียงพื้นที่ภาคใต้ ที่จะไปตั้งสาขาในสัปดาห์หน้า จากนั้นจะตั้งตัวแทนประจำจังหวัดให้ครบทั้ง 77 จังหวัด เพื่อให้สามารถส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งได้ครบ 350 เขต

ทั้งนี้ ยอมรับว่า การดำเนินการตามกฎหมายในเรื่องของการตั้งสาขาพรรคและตัวแทนประจำจังหวัด อาจมีปัญหาอยู่บ้าง เนื่องจากยังติดเงื่อนไขคำสั่ง คสช. รวมถึงกกต.ยังไม่แบ่งเขตเลือกตั้งให้ชัดเจน ทำให้ทุกพรรคมีปัญหา แต่สำหรับพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นพรรคขนาดใหญ่น่าจะมีปัญหาน้อยกว่าพรรคเล็กและพรรคใหม่ ส่วนการลงพื้นที่หาสมาชิกพรรคนั้น ก็พยายามดำเนินการตามกรอบของกฎหมาย ไม่ทำเกินเลย ดังนั้นจึงมั่นใจว่าไม่ได้เข้าข่ายการหาเสียง

นายภูมิธรรม กล่าวถึงกรณีที่จะเข้าร่วมหารือกับคสช. เพื่อปลดล็อกพรรคการเมือง ว่า หน้าที่การหารือกับพรรคการเมืองเป็นของ กกต. อีกทั้งเห็นว่าไม่จำเป็นแล้วที่จะต้องมีการหารือกันอีก เพราะ คสช.มีอำนาจเต็มที่จะสามารถยกเลิกคำสั่งคสช.ได้เลย ดังนั้นหากปลดล็อกให้พรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมได้อย่างเสรี การดำเนินการตามกฎหมายต่างๆก็จะง่ายขึ้น พร้อมเรียกร้องอย่าใช้กฎระเบียบที่คสช.สร้างขึ้นมา ทำให้พรรคการเมืองเดินหน้าต่อไปไม่ได้

ส่วนกรณีที่พรรคไทยรักษาชาติ เตรียมประชุมเพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคในวันที่ 7 พ.ย.นี้ โดยจะมีแกนนำของพรรคเพื่อไทยเข้าไปร่วมเป็นกรรมการบริหารพรรคด้วยนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า พรรคไทยรักษาชาติไม่ใช่ สาขาพรรคของพรรคเพื่อไทย และการเกิดขึ้นของพรรคการเมืองใหม่ ก็เป็นผลพวงมาจากกติกาและรัฐธรรมนูญใหม่ที่กำหนดเอาไว้ ทำให้นักการเมืองที่ต้องการทำหน้าที่รับใช้ประชาชน ต้องหาหนทางเพื่อที่จะทำให้ตัวเองได้ทำหน้าที่ต่อไป

อย่างไรก็ตาม ถือเป็นสิทธิ์ที่แต่ละคนจะสังกัดพรรคการเมืองใดก็ได้ โดยหากคนนามสกุลเดียวกันจะแยกไปสังกัดพรรคเพื่อไทยและพรรคไทยรักษาชาติ ก็ถือเป็นสิทธิสามารถทำได้เช่นกัน และถือเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย ที่คนในครอบครัวเดียวกันไม่จำเป็นจะต้องมีความเห็นทางการเมืองเหมือนกัน