เปิดแผน SONIC ดันฐานะ 'ทุบสถิติ'

เปิดแผน SONIC ดันฐานะ 'ทุบสถิติ'

เงินระดมทุนช่วยปลดล็อกธุรกิจ !! เพิ่มขีดความสามารถรับงานใหญ่ขึ้น 'สันติสุข โฆษิอาภานันท์' ผู้ก่อตั้ง บมจ. โซนิค อินเตอร์เฟรท ผลักดันแผนงานพร้อมโลดแล่น รุกขยายตลาดขนส่งสินค้าทางอากาศ หลังมาร์จินอยู่ในระดับสูง

หนึ่งในผู้นำธุรกิจให้บริการจัดการระบบโลจิสติกส์แบบครบวงจรระดับภูมิภาค ความโดดเด่นนี้อาจเป็นตัวผลักดันให้ หุ้น โซนิค อินเตอร์เฟรท หรือ SONIC ของ 'ตระกูลโฆษิอาภานันท์' ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่สัดส่วน 59.03% ปรับตัวขึ้นวันแรกในการซื้อขาย (เทรด) ที่ระดับ 2.14 บาทต่อหุ้น (19 ต.ค.2561) เหนือราคาจอง 1.95 บท แม้ว่าหลังจากนั้นราคาหุ้นจะปรับตัวลดลงจากราคาเปิดซื้อขายวันแรก ปัจจุบันราคาซื้อขายเฉลี่ย 1.65 บาท 

'โซนิค อินเตอร์เฟรท' แบ่งลักษณะธุรกิจเป็น 3 อย่าง ประกอบด้วย 1.ธุรกิจขนส่งสินค้าทางทะเล (Sea Freight) โดยกลุ่มบริษัทเป็นตัวแทนรับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ที่ไม่มีเรือเป็นของตัวเอง โดยเป็นตัวแทนลูกค้าในการบริหารจัดการด้านขนส่งสินค้าเพื่อส่งออกหรือนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ซึ่งกลุ่มบริษัทมีเครือข่ายพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศตั้งอยู่ในกว่า 63 ประเทศ และครอบคลุมทุกทวีปกว่า 134 ประเทศทั่วโลกผ่านการให้บริการแก่ลูกค้าทั้งแบบขนส่งแบบเต็มตู้คอนเทนเนอร์ (FCL) และแบบไม่เต็มตู้คอนเทนเนอร์ (LCL) 

2.ธุรกิจการจัดการขนส่งระหว่างประเทศทางอากาศ (Air Freight) โดยกลุ่มบริษัทดำเนินธุรกิจขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางอากาศ โดยจะประสานงานและติดต่อตัวแทนของสายการบินเพื่อการจองระวางเครื่องบิน และตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งการขนส่งทางอากาศใช้ระยะเวลาการขนส่งสั้นกว่าการขนส่งทางทะเล แต่มีต้นทุนที่สูงกว่า จึงเหมาะสมกับสินค้าที่มีมูลค่าสูง และสินค้าที่มีข้อจำกัดด้านเวลา เป็นต้น 

และ3.ธุรกิจการจัดการขนส่งทางบกภายในประเทศ (Transport) และการจัดการขนส่งสินค้าข้ามแดน (Cross border Transport) โดยกลุ่มบริษัทดำเนินธุรกิจขนส่งสินค้าทางภาคพื้นดินหรือทางบกภายในประเทศ (Domestic Transport) และขนส่งสินค้าข้ามแดน เพื่อรองรับความต้องการขนส่งแบบครบวงจรและต่อเนื่องหลายรูปแบบ เช่น การขนส่งทางบกไปสู่ทางอากาศ (Land-Air) และขนส่งทางบกไปสู่ทางน้ำ (Land-Sea) 

'สันติสุข โฆษิอาภานันท์' ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โซนิค อินเตอร์เฟรท หรือ SONIC บอกกับ 'กรุงเทพธุรกิจ BizWeek' ว่า ตามแผนธุรกิจองค์กรแห่งนี้จะโฟกัสเข้าไปใน 'ธุรกิจการจัดการขนส่งระหว่างประเทศทางอากาศ' (Air Freight) มากขึ้น จากเดิมที่ให้บริการทางอากาศแต่สัดส่วนน้อย เนื่องจากต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก ซึ่งในอดีตบริษัทมี 'ข้อจำกัด' เรื่องเงินทุนทำให้บริษัทขยายตลาดดังกล่าวได้ไม่มาก แต่หลังจากบริษัทเข้าระดมทุนแล้วข้อจำกัดเรื่องเงินทุนจะหมดไป...!!   

โดยในปี 2561 บริษัทจะมุ่งเน้นขยายตลาดขนส่งทางอากาศเพิ่มสัดส่วนเป็น 5% จากเดิมอยู่ราว 2-3% ซึ่งล่าสุดบริษัทมีการเปิดออฟฟิศให้บริการขนส่งสินค้าทางอากาศตลอด 24 ชั่วโมง ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเรียบร้อยแล้ว 

'กลุ่มขนส่งทางอากาศเป็นธุรกิจที่มีมาร์จินระดับสูง แต่ก็ต้องใช้เงินลงทุนสูงด้วย ดังนั้น เมื่อมีเงินทุนพร้อมเราก็มีเป้าหมายขยายตลาดเข้าไปให้มากขึ้น'

ขณะที่ 'ธุรกิจขนส่งสินค้าทางทะเล' (Sea Freight) ในส่วนของการขนส่งสินค้าแบบเต็มตู้ (FCL) บริษัทให้บริษัทการเช่าตู้คอนเทนเนอร์ทั้งตู้เพื่อบรรจุสินค้าของลูกค้าสำหรับรายเดียว ซึ่งถือเป็นการให้บริการที่เหมาะสมกับผู้ผลิตเพื่อนำเข้าและส่งออกในปริมาณมาก และเพียงพอที่จะสามารถบรรจุได้เต็มตู้หากลูกค้ารายใดรายหนึ่งต้องการขนส่งสินค้าเป็นจำนวนมาก ส่วนการขนส่งสินค้าแบบไม่เต็มตู้ (LCL) ในอนาคตจะมีการเพิ่มสัดส่วนรายได้มากขึ้น เนื่องจากมีมาร์จินที่สูง โดยกลุ่มบริษัทจะจัดสรรพื้นที่คอนเทนเนอร์เพื่อบรรจุสินค้าของลูกค้าหลายราย ซึ่งเป็นบริการที่เหมาะสมกับผู้ผลิตเพื่อนำเข้าและส่งออกในปริมาณที่น้อย 

'ธุรกิจการจัดการขนส่งทางบกภายในประเทศ (Transport) และการจัดการขนส่งสินค้าข้ามแดน (Cross border Transport)' โดยบริษัทมีแผนขยายบริการเพื่อรองรับการให้บริการแบบครบวงจร และต่อเนื่อง (Multimodal Transport) ด้วยการลงทุนเพิ่มรถบรรทุกหัวลาก หางลาก และรถบรรทุก ในปี 2562 จากปัจจุบันที่มีรถหัวลากประมาณ 70 คัน และหางลากประมาณ 160 คัน ซึ่งจะรองรับความต้องการของลูกค้าได้เพิ่มขึ้น โดยเงินลงทุนดังกล่าวราว 60 ล้านบาท มาจากการระดมทุนผ่านการเสนอขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO)  เพื่อรองรับการขนส่งทางบกที่จะขยายไปตามโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)   

นอกจากนี้ บริษัทกำลังศึกษาขยายการขนส่งสินค้าข้ามแดนไปยังประเทศอื่นๆ นอกเหนือจากประเทศกัมพูชาที่บริษัทดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน โดยการลงทุนเพิ่มจำนวนรถขนส่งรองรับการขยายตัวของธุรกิจขนส่งทางบกและขนส่งข้ามชายแดนด้วย 

รวมทั้งการพัฒนาศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้าให้มีความทันสมัย การซื้ออาคารพาณิชย์เพื่อดำเนินงานสาขาแหลมฉบังและการพัฒนาระบบสารสนเทศ ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการแก่ลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 

อีกทั้งซื้อที่ดินและอาคารพาณิชย์เพื่อดำเนินสาขาแหลมฉบังเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายด้านค่าเช่าในระยะยาว และสุดท้ายจะลงทุนพัฒนาระบบสารสนเทศ เพื่อเป็นเครื่องมือในการจัดเก็บวิเคราะห์ข้อมูลการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

'เป้าหมายการขยายการลงทุนเพื่อเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจด้านการให้บริการจัดการระบบโลจิสติกส์แบบครบวงจรให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รองรับความต้องการของลูกค้าและโอกาสการเติบโตจากปัจจัยบวกจากภาคการส่งออกของไทยที่ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง'

'ผู้ก่อตั้ง' แจกแจงต่อว่า เป้าหมายรายได้ปี 2561 คาดว่าแตะ 'พันล้านบาท' เติบโต 5-10% เทียบกับปี 2560 ที่มีรายได้ 964.30 ล้านบาท โดยในครึ่งแรกปีบริษัทสามารถทำรายได้แล้วกว่า 549.22 ล้านบาท  เป็นไปตามการเติบโตของธุรกิจทั้ง 3 ธุรกิจ ได้แก่ การให้บริการขนส่งสินค้าทางทะเล การขนส่งสินค้าทางบก และการขนส่งทางอากาศ ซึ่งมีสัดส่วนรายได้จากการขนส่งสินค้าทางทะเลอยู่ที่ 67%, การขนส่งสินค้าทางบก 27% และการขนส่งสินค้าทางอากาศและอื่นๆ 6% 

สำหรับแนวโน้มไตรมาส 3 ปี 2561 จะเติบโตได้อย่างโดดเด่น ทั้งในแง่ของภาพรวมรายได้และอัตราการทำกำไรขั้นต้นซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่ดี เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ที่ผ่านมา หรือหากเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากศักยภาพการดำเนินธุรกิจในการให้บริการจัดการระบบโลจิสติกส์แบบครบวงจรที่มีความแข็งแกร่งมากขึ้น จากจุดแข็งในการนำเสนอสินค้าและบริการที่ครบวงจรแบบ One Stop Service ที่สร้างความเชื่อมั่นในการใช้บริการของลูกค้าจึงได้รับความไว้วางใจในการใช้บริการที่เพิ่มขึ้นอย่างเนื่อง

ขณะเดียวกัน บริษัทยังได้เพิ่มบุคลากรพนักงานขายเพื่อเพิ่มจำนวนลูกค้าในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม จากปัจจุบันที่ SONIC ให้บริการขนส่งสินค้าในอุตสาหกรรมต่างๆ มากมาย เช่น ผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ สินค้าเกษตร อาหารและเครื่องดื่ม ชิ้นส่วนยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น ส่งผลให้ปริมาณการขนส่งสินค้าเติบโตเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจ ทั้งการให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางทะเล ทางอากาศ และทางบกรวมถึงบริการขนส่งสินค้าข้ามชายแดนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน

นอกจากนี้ บริษัทยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนการดำเนินที่มีประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับเร่งเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางอากาศ ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีอัตราการทำกำไรขั้นอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และสามารถตอบสนองการให้บริการแก่ลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตภายในประเทศที่ต้องการใช้บริการด้านโลจิสติกส์เพิ่มขึ้น ทั้งในกลุ่มสินค้าเครื่องประดับ เครื่องสำอางค์ อะไหล่ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น 

สำหรับปี 2562 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 'ไม่ต่ำ 20%' จากปีนี้ เนื่องจากธุรกิจการขนส่งทางทะเลยังมีทิศทางที่ขยายตัวต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็จะขยายฐานลูกค้าเพิ่มสำหรับการขนส่งทางอากาศ ส่วนการขนส่งทางบก จะซื้อรถหัวลาก และหางลากเพิ่มขึ้น 

'รายได้ในปีหน้าคาดว่าจะโตไม่ต่ำกว่า 20% เพราะว่าเราได้มีการนำเงิน IPO ที่ได้มาไปขยายธุรกิจในทุกๆด้าน โดยใช้ซื้อรถหัวลาก และหางลากเพิ่มอีก เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าได้อย่างเพียงพอ เพราะจริงๆแล้วลูกค้าเรามีเข้ามาตลอด และมีงานมาตลอด แต่ก่อนหน้านี้เราไม่สามารถให้บริการได้เพียงพอ แต่หลังจากนี้เราจะสามารถให้บริการได้มากขึ้น และรับงานจากบริษัทใหญ่ ๆ ได้มากขึ้น และเรายังจะบุกขยายธุรกิจขนส่งทางอากาศมากขึ้นอีกด้วย' 

SONIC มีศักยภาพการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่งจึงมีโอกาสเติบโตที่ดีมาก ตามการขยายตัวของภาพรวมธุรกิจส่งออกและนำเข้าของไทย จากความได้เปรียบเชิงภูมิภาคของประเทศไทยที่อยู่เป็นศูนย์กลางของภูมิภาคอาเซียน รวมถึงนโยบายของภาครัฐที่ต้องการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติเข้ามาลงทุนใช้ไทยเป็นฐานผลิต เพื่อส่งออกสินค้าไปยังทุกภูมิภาคทั่วโลก

สำหรับ 'จุดแข็ง' ของ SONIC คือด้านการดำเนินงานที่เป็นผู้ให้บริการจัดการระบบโลจิสติกส์แบบครบวงจร ที่มีการให้บริการด้านการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศที่ครอบคลุมทั้งทางอากาศ ทางทะเลและทางบก ไปยังประเทศที่มีพรมแดนติดกับประเทศไทย รวมถึงแผนงานในอนาคตทำให้ SONIC มีขีดความสามารถการแข่งขันเหนือคู่แข่ง ตลอดจนการมีเครือข่ายพันธมิตรทั่วโลก ส่งผลดีต่อการให้บริการที่สามารถผสมผสานการให้บริการขนส่งหลายรูปแบบและมีความต่อเนื่อง ซึ่งช่วยตอบโจทย์ความต้องการใช้บริการด้านการขนส่งสินค้าให้แก่ลูกค้าได้เป็นอย่างดีในอนาคต 

อย่างไรก็ตาม ด้วยประสบการณ์ของผู้บริหารที่ยาวนานมากกว่า 20 ปีและแผนงานในอนาคตที่ชัดเจน ที่ SONIC ต้องการลงทุนเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในเชิงให้บริการที่ครบวงจรเพื่อรองรับความต้องการใช้บริการด้านโลจิสติสก์ของลูกค้าที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามการเติบโตที่ดีของการส่งออก ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเติบโตของรายได้และอัตราการทำกำไรขั้นต้นที่ดีอีกด้วย

ท้ายสุด 'สันติสุข' ฝากไว้ว่า มองว่าหุ้น SONIC เป็นหุ้นที่มีพื้นฐานที่ดี มีแนวโน้มการเติบโตต่อเนื่อง โดยบริษัทดำเนินธุรกิจด้านการให้บริการจัดการระบบโลจิสติกส์แบบครบวงจรให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รองรับความต้องการของลูกค้าและโอกาสการเติบโตจากปัจจัยบวกจากภาคการส่งออกของไทยที่ขยายตัวต่อเนื่อง