อัยการฟ้องแล้ว! '3 พี่น้องจารวิจิต' ฟอกเงินบิตคอยน์

อัยการฟ้องแล้ว! '3 พี่น้องจารวิจิต' ฟอกเงินบิตคอยน์

"ปริญญา-บูม-สุพิชฌาย์" สามพี่น้อง เจอฟ้อง 2 ข้อหาสมคบฟอกเงิน-ร่วมฟอกเงินใช้ 176 ล้านซิ้อที่ดิน หลังพวกลวงนักธุรกิจฟินแลนด์ลงทุนกว่า 700 ล้าน รอสอบคำให้การเช้า 7 พ.ย.นี้

เมื่อวันที่ 1 พ.ย.61 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 2 ได้ยื่นฟ้อง นายปริญญา จารวิจิต ตัวอยู่ในเรือนจำระหว่างฝากขัง) , นายจิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต หรือบูม นักแสดงซีรี่ย์วัยรุ่นชื่อดัง , น.ส.สุพิชฌาย์ จารวิจิต ซึ่งทั้งสามคนเป็นชาว จ.ชลบุรี ประกอบอาชีพธุรกิจส่วนตัวและเป็นพี่น้องกัน เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้กระทำผิดฐานฟอกเงิน , ร่วมกันฟอกเงิน ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3,5,9,60

โดยคำฟ้องบรรยายพฤติการณ์สรุปว่า ระหว่างต้นเดือน มิ.ย.- 30 ธ.ค.60 จำเลยทั้งสามกับพวกอีก 6 คนร่วมกันวางแผนและสมคบกันด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จหลอกลวงชักชวนให้นายเออาร์นี่ย์ โอตาวา ชาริมา (Aamai Otava Saarimaa) ชาวฟินแลนด์ ผู้เสียหาย ให้ร่วมลงทุนทำธุรกิจซื้อหุ้นของ บริษัท เอ็กซ์เปย์ ซอร์ฟแวร์ จำกัด(Expay Software) , ร่วมลงทุนประกอบธุรกิจสร้างเงินดิจิตอลสกุล ดราก้อน คอยน์ กับ บริษัทเอ็นเอ็กซ์ เชน อินคอร์ปอเรเต็ด (NX Chain Inc.) และซื้อหุ้น บริษัท ดีเอ็นเอ (2002) จำกัด (มหาชน) จำนวน 500 ล้านหุ้น ซึ่งผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินดิจิตอลสกุลบิตคอยน์ (Bitcoins) จำนวนหลายครั้งเข้าไปในกระเป๋าอิเล็กทรอนิกส์ของจำเลยทั้งสามกับพวกที่เปิดรองรับไว้แล้วพวกจำเลยได้เงิน บิตคอยน์ดังกล่าวไปขายในระบบซื้อขายอินเตอร์เน็ต คิดเป็นเงินจำนวน 797,408,454.33 บาท และนำเงินที่ขายได้เข้าบัญชีธนาคารของจำเลยทั้งสามกับพวก ทั้งที่ความจริงแล้วไม่มีการลงทุนทำธุรกิจจริง ขณะที่จำนวนหุ้นของบริษัท ดีเอ็นเอฯ ที่ผู้เสียหายได้ซื้อไปก็ไม่ได้ครบตามจำนวนที่ตกลงซื้อ

ซึ่งภายหลังจำเลยทั้งสามกับพวก ก็ได้ร่วมกันนำทรัพย์สินดังกล่าวที่ได้จากการกระทำผิดหลายครั้งนั้นไปเปลี่ยนสภาพเพื่อปกปิดแหล่งที่มา โดยเมื่อวันที่ 11 ต.ค.60 จำเลยทั้งสามได้นำเงิน 20 ล้านบาทโดยนายปริญญา จำเลยที่ 1 เป็นผู้ซื้อและทำนิติกรรมซื้อที่ดิน 2 แปลง เนื้อที่ 2 งาน 7 ตารางวา แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. ,วันที่ 12 ต.ค.60 นายปริญญา จำเลยที่ 1 ได้นำเงิน 59 ล้านบาทไปซื้อที่ดิน 2 แปลง เนื้อที่ 3 งาน 143.5 ตารางวา แขวง-เขต ดินแดง กทม. ,วันที่ 19 ต.ค.60 นายปริญญา จำเลยที่ 1ได้นำเงิน 27,140,000 บาท ไปซื้อที่ดิน 2 แปลง เนื้อที่ 3 งาน 118.9 ตารางวา ใน จ.นนทบุรี , วันที่ 29 พ.ย.60 นายปริญญา จำเลยที่ 1 ได้นำเงิน 18,450,000 บาทไปซื้อที่ดิน 1 แปลง เนื้อที่ 1 งาน 23 ตารางวา แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม.

และเมื่อวันที่ 6 ต.ค.60 นายจิรัชพิสิษฐ์ หรือบูม จำเลยที่ 2 นำเงิน 43,130,000 บาทไปซื้อที่ดิน 1 แปลง เนื้อที่ 3 งาน 80 ตารางวา แขวงจันทร์เกษม เขตจตุจักร กทม. ,วันที่ 6 ธ.ค.60 น.ส. สุพิชฌาย์ จำเลยที่ 3 นำเงิน 8.5 ล้านบาทไปจดทะเบียนขายฝากที่ดิน 6 แปลง เนื้อที่ 94.5 ตารางวา แขวงจันทรเกษม แขวงลาดยาว แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม. (รวมเงินทำธุรกรรมที่ดินทั้งสิ้น 176,220,000 บาท) เหตุเกิดที่ แขวงจันทรเกษม แขวงลาดยาว แขวงจอมพล เขตจตุจักร , แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา , แขวง-เขตดินแดง แขวง-เขตห้วยขวาง แขวงถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี , แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม. , ต.บางกร่าง และ ต.สวนใหญ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี , ต.บางพระ และต.ศรีราชา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี โดยเมื่อวันที่ 9 ส.ค.61 เจ้าพนักงานจับกุมสามารถจับกุม นายจิรัชพิสิษฐ์ หรือบูม จำเลยที่ 2 ได้ ส่วน น.ส. สุพิชฌาย์ จำเลยที่ 3 จับกุมได้เมื่อวันที่ 15 ส.ค.61 และจับกุม นายปริญญา จำเลยที่ 1 ได้เมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยในชั้นสอบสวนทั้งสามให้การปฏิเสธ ซึ่งท้ายคำฟ้องอัยการก็ได้ระบุว่าหากจำเลยทั้งสามขอปล่อยชั่วคราวระหว่างการพิจารณาคดีก็ให้เป็นดุลยพินิจศาลในการสั่งประกันตัวไป

ทั้งนี้ ศาล ได้ประทับรับฟ้องคดีดังกล่าวไว้เป็นคดีหมายเลขดำ ฟย.50/2561 และนัดสอบคำให้การจำเลยทั้งสาม ในวันที่ 7 พ.ย.นี้ เวลา 09.00 น. โดยในส่วนของนายปริญญา จำเลยที่ 1 ซึ่งปัจจุบันถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ในชั้นฝากขังตั้งแต่วันที่ 12 ต.ค.ที่ผ่านมา ศาลก็จะเบิกตัวจำเลยมาสอบคำให้การตามวันเวลาดังกล่าวต่อไป

ส่วนนายจิรัชพิสิษฐ์ หรือบูม จำเลยที่ 2 เป็นน้องชาย กับ น.ส. สุพิชฌาย์ จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นน้องสาว นั้นทั้งสองได้รับการประกันตัวตั้งแต่ชั้นฝากขัง เมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านนา คนละ 2 ล้านบาท ซึ่งศาลก็กำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล