'เลือดใหม่' ไหล ในสภาวะลำบากใจ

'เลือดใหม่' ไหล ในสภาวะลำบากใจ

ดูเหมือนว่า จะแอบเป็น "ประเด็นดราม่า" เล็กๆ ภายในพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) โดยหลังจากมีการเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่

ที่ยังคงเป็นกลุ่มคนรุ่นเก่าไม่ว่าจะเป็น “กัญจนา ศิลปอาชา” หัวหน้าพรรค “ประพัตร โพธสุธน” เลขาธิการพรรค รวมถึงตำแหน่งอื่นๆ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

\'เลือดใหม่\' ไหล ในสภาวะลำบากใจ

000 หลายคนมีการจับตาไปที่บทบาทของ “กลุ่มนิวบลัด” ทั้ง “ลูกท๊อป วราวุธ ศิลปอาชา” ที่ก่อนหน้านี้มีการคาดการว่าจะมาเป็นหัวหน้าพรรค หรือในส่วนของ “เสี่ยโต้ง สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ” ที่มีการคาดการว่า จะมาเป็นเลขาธิการพรรค แต่ทว่า เกมกลับมาพลิกในช่วงโค้งสุดท้ายด้วยเหตุผลที่ว่า “การให้เกียรติคนรุ่นเก่า” รวมถึงผู้หลักผู้ใหญ่ที่เพิ่งย้ายมาอยู่ภายใต้ชายคาชทพ.อย่างตระกูล “สะสมทรัพย์” หรือ “บิ๊กเซอร์ไพส์” อย่าง“บิ๊กบัง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน” ที่ว่ากันว่าจะมาเป็นแกนนำหรืออยู่ในบัญชีรายชื่อลำดับต้นๆของพรรค

\'เลือดใหม่\' ไหล ในสภาวะลำบากใจ

000 แม้ผู้นำพรรคอย่าง “กัญจนา” จะออกมายืนยันว่า นี่!ไม่ใช้การลดบทบาทของกลุ่มนิวบลัด แต่เป็นการปรับบทบาทจากแกนนำพรรค ไปเป็นทีมยุทธศาตร์ ซึ่งยังถือเป็น “ฟันเฟือง” สำคัญของพรรค

000 แต่ก็ยังไม่วายมีกระแสข่าวเล็ดลอดออกมาว่า “สิริพงศ์” เกิดอาการ “น้อยอกน้อยใจ” จนทำให้ตัดสินใจลาออก และย้ายไปร่วมชายคา “ภูมิใจไทย” แทน

000 ฝ่าย “สิริพงศ์” ​เองได้เปิดใจถึงการลาออกในครั้งนี้ว่า ไม่มีความขัดแย้งหรือโกรธใดๆ แต่การตัดสินมาจาก “ภาวะลำบากใจ” เมื่อไม่พร้อมกับการทำงานภายใต้แนวทางที่ไม่ใช่ ก็ขอตัดสินใจด้วยตัวเอง บนอุดมการณ์และแนวทางทางการเมืองของตัวเอง

\'เลือดใหม่\' ไหล ในสภาวะลำบากใจ

000 จากนี้คงต้องจับตาบทบาทของ “สิริพงศ์” ภายใต้ชายคาหลังใหม่ โดยเฉพาะการสู้ศึกเลือกตั้งส.ส.ในพื้นที่จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นพื้นที่เดิม ซึ่งเจ้าตัวบอกว่า “พร้อมสู้” แม้จำต้องเจอคู่แข่งสำคัญอย่าง “พรรคเพื่อไทย”

000 หากย้อนกลับไปในการเลือกตั้ง2550 “สิริพงศ์” ได้รับเลือกเป็นส.ส.หนึ่งเดียวของพรรค ในเขต1 จ.ศรีสะเกษ (ส.ส.1เขตมี3คน อีก2คนเป็นส.ส.ของพรรคเพื่อไทย) ก่อนถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา5ปี อันเนื่องมาจากคดียุบพรรคชาติไทย

000 ขณะที่การเลือกตั้งปี 2554 พรรคเพื่อไทยสามารถกวาดส.ส.ในจังหวัดดังกล่าวไปถึง7ที่นั่งจากจำนวนทั้งหมด8ที่นั่ง โดยอีก1ที่นั่งเป็นของพรรคภูมิใจไทย

000 การร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทยในครั้งนี้ ถือเป็นการ “ทวงคืน” ที่นั่งส.ส.ภายใต้บ้านหลังใหม่ อีกทั้งยังเป็นการเดินเกมเพื่อปักธงเพิ่มที่นั่งส.ส.ให้กับภูมิใจไทยอีกทางหนึ่งซึ่งนอกจากพรรคเพื่อไทยแล้วอีกหนึ่งคู่แข่งสำคัญที่ต้องจับตาคือ พรรคพลังประชารัฐ ที่ขณะนี้ยังคงเดิมเกมดูดส.ส.ในพื้นที่ต่างๆอย่างต่อเนื่อง