สนช.คาดปลดล็อกกัญชา-กระท่อมทันก่อนหมดวาระ

สนช.คาดปลดล็อกกัญชา-กระท่อมทันก่อนหมดวาระ

สนช.ดันร่างพ.ร.บ.ยาเสพติด ปลดล็อกกัญชา-กระท่อม ไฟเขียวใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ชงประธานสภาฯบรรจุวาระสัปดาห์หน้า หวังเป็นของขวัญปีใหม่ให้คนไทย คาดทันใช้ในสมัยสนช. ขณะที่ผู้เดี่ยวข้องลั่นต้องไม่ผูกขาดสัมปทานให้นายทุน จนจำกัดการเข้าถึงของคนไทย

วานนี้( 30 ต.ค.) นายสมชาย แสวงการ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และเลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการ สนช. ในฐานผู้เสนอร่างพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ(ฉบับที่ ...)พ.ศ..... ร่วมกับสนช.43 คน กล่าวในการสัมมนา "สนช. ปลดล็อกกัญชา เป็นยารักษาโรค" ว่า เวทีในวันนี้เป็นการรับฟังความคิดเห็นต่อร่าง พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่...) พ.ศ. ... ตามมาตรา 77 วรรค 2 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีการรับฟังความคิดเห็นผ่านเว็บไซต์เป็นเวลา 15 วัน โดยเชิญทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องครบถ้วนมาร่วมให้ความคิดเห็น ซึ่งเกือบ 100% ต่างเห็นด้วยที่จะมีการใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ของกัญชา ทั้งในส่วนของการแพทย์แผนปัจจุบัน แพทย์แผนไทย และแพทย์ทางเลือก ภายใต้การควบคุมกำกับร่วมกันของภาครัฐ เอกชน และภาคประชาชน จะเป็นทางออกในการดูแลผู้ป่วยหลายโรค ลดการนำเข้ายาราคาแพง และใช้ยาที่มีราคาแพง


นายสมชาย กล่าวว่า หลังจากนี้ จะประมวลความคิดเห็นที่ได้จัดทำเป็นบทวิเคราะห์เสนอต่อประธาน สนช. ภายในกลาง พ.ย.นี้ และประธาน สนช.จะพิจารณาบรรจุเข้าสู่วาระ สนช.เมื่อไรอยู่ที่ดุลพินิจ อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะบรรจุในราวปลายเดือน พ.ย. ถึงต้น ธ.ค. 2561 ทั้งนี้ ข้อเสนอแนะ ความคิดเห็นที่ได้จากการรับฟังความคิดเห็นทั้งหมด จะสามารถนำไปปรับปรุงแก้ไขได้ในชั้นกรรมาธิการ หลังจากสนช.ผ่านวาระแรกแล้ว เนื่องจากหากนำมาแก้ไขในร่าง พ.ร.บ.ก่อน จะมีความล่าช้าจากการต้องรับฟังความคิดเห็นตามมาตรา 77 วรรค 2 ใหม่


"รัฐบาลและสภามีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะผลักดันปลดล็อกการใชประโยชน์ทางการแพทย์ของกัญชาและกระท่อม โดยดำเนินการอย่างรอบคอบ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่คนไทย จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล และลดการสูญเสียชีวิตขอคนที่เจ็บป่วย โดยเมื่อได้รับการบรรจุเข้าสู่วาระของ สนช.แล้ว และเข้าสู่ชั้นกรรมาธิการ จะใช้เวลา 30-45 วัน นับจากนี้ สนช.จะมีเวลาพิจารณากฎหมายอีกราว 3 เดือน จึงเชื่อว่าจะสามารถดำเนินการออกกฎหมายนี้ได้ทันภายในสมัยของ สนช.นี้" นายสมชาย กล่าว


นายสมชาย กล่าวอีดว่า กฎหมายฉบับนี้อาจไม่ใช่กฎหมายที่ดีที่สุดที่จะปลดล็อกการใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ของกัญชาและกระท่อม แต่ถือเป็นการเริ่มนับ 1 ซึ่งเป็นก้าวที่ยากที่สุด หากเริ่มได้ ก้าวที่ 2 3 4 ก็จะตามมา โดยหากจะมีการออกเป็นประมวลกฎหมายยาเสพติด หรืออกเป็นกฎหมายเฉพาะที่เสนอโดยภาคประชาชน ก็จะดำเนินการไม่ยากในอนาคต


นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ สมาชิก สนช. และประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข สนช. กล่าวว่า เวทีรับฟังความคิดเห็น แม้จะเชิญทั้งผู้เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่ผลปรากฏว่าไม่มีใครแสดงความคิดเห็นในการค้าน ขอยืนยันว่า ทุกความคิดเห็นจะนำไปใช้ในกรรมาธิการ และจะเร่งพิจารณาให้เร็วที่สุด หากจะปลดล็อกทั้งหมดอาจจะต้องรอกฎหมายหลังมีการเลือกตั้ง โดยเชื่อว่าหากประเทศไทยดำเนินการใช้ประโยชน์จากกัญชาได้ และก้าวต่อไปจะเป็นประโยชน์ต่อคนไทยและมีรายได้ข้าประเทศอย่างมหาศาล เห็นได้จากปัจจุบันประเทศออสเตรเลียและแคนาดา ส่งออกกัญชาทำรายได้ให้ประเทศจำนวนมาก
ด้านนายวิชา มหาคุณ ประธานกรรมการมูลนิธิต่อต้านการทุจริต กล่าวว่า การดำเนินการทางกฎหมายในการปลดล็อกพืชกัญชา ต้องคำนึงถึง 3 ข้อสำคัญด้วย คือ

1.เลิกคิดว่ากัญชาและกระท่อมเป็นพืชเสพติด เช่น ที่ประเทศมาเลเซีย ไม่ถือว่ากระท่อมเป็นยาเสพติด หากมองเป็ยาก็จะมี พ.ร.บ.ยา ควบคุมอยู่แล้ว ถ้าไม่ได้เกิดผลร้ายแรงเหมือนเมทแอมเฟตามีน หรือฝิ่น


2.ต้องป้องกันการเกิดสัมปทานและการผูกขาดอย่างเด็ดขาด เพราะจะเป็นการตัดตอนการเข้าถึงของประชาชนในการใช้ประโยชน์ มิเช่นนั้น จะไม่แตกต่างกับการต้องสั่งซื้อมอร์ฟีนจากต่างประเทศ รวมถึงต้องมีการควบคุมดูแลให้มีประสิทธิภาพ เพื่อไม่ให้เกิดของเถื่อนเหมือนเช่นเหล้าเถื่อนที่เป็นในปัจจุบัน เพราะจะเกิดเป็นอันตรายและเกิดผลข้างเคียง

และ 3.ปล่อยอิสระในการศึกษาวิจัย เนื่องจากมหาวิทยาลัยดำเนินการศึกษาวิจัยภายใต้การควบคุมวิชาการ มีคณะกรรมการวิจัยของแต่ละสถาบันอยู่แล้ว สามารถนำมารองรับการดำเนินงานในส่วนนี้ได้ ไม่ต้องสร้างระบบใหม่ให้ซับซ้อนขึ้น


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลการรับฟังความคิดเห็น ร่างพรบยาเสพติดให้โทษฉบับที่พ.ศจุดซึ่งดำเนินการผ่านทางเว็บไซต์ www.senate.go.th ระหว่างวันที่ 1-15 ต.ค 2561 รวมระยะเวลาการรับฟังความคิดเห็น 15 วันโดยมีการเข้าอ่านกว่า2.9 แสนครั้ง ร่วมแสดงความคิดเห็นทั้งสิ้น 16,431 เห็นด้วยจำนวน 16,288 คิดเป็น 99.13% ไม่เห็นด้วยจำนวน 138 คิดเป็น 0.84 %ไม่แสดงความคิดเห็น 5 คิดเป็น0.03%