ตร.191 บุกจับผับย่านฉลองกรุง เปิดเกินเวลามั่วสุมยาเสพติด

ตร.191 บุกจับผับย่านฉลองกรุง เปิดเกินเวลามั่วสุมยาเสพติด

ตร.191 แถลงการจับกุมระดมกวาดล้างอาชญากรรม และแหล่งมั่วสุมยาเสพติดหลายคดี

เมื่อเวลา 14.45 น. วันที่ 26 ต.ค.61 ที่ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (191) ถนนวิภาวดี พ.ต.อ.สำราญ นวลมา รรท.ผบก.สปพ. พร้อมด้วยพ.ต.อ.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ รอง ผบก.สปพ. พ.ต.อ.สมบูรณ์ เทียนขาว ผกก.สายตรวจ บก.สป แถลงผลการจับกุมช่วงระดมกวาดล้างอาชญากรรมและแหล่งมั่วสุมยาเสพติด ซึ่งได้จับกุม ลักลอบเปิดสถานบริการ และปล่อยปละละเลยให้เยาวชนมั่วสุมยาเสพติด ตรวจพบเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้ามาใช้บริการจำนวนมาก และตรวจพบผู้เสพยาเสพติดให้โทษ ร่วม 100 ราย

พ.ต.อ.สำราญ กล่าวว่า สืบเนื่องจากการระดมกวาดล้างอาชญากรรมและยาเสพติดให้โทษ ในช่วงวันที่ 20-31 ตุลาคม 2561 ได้สั่งการให้ป้องกันปราบปราม การลักลอบเปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต และเปิดให้เยาวชนเข้ามาใช้บริการ มีการมั่วสุมยาเสพติด จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมสืบทราบว่า ที่ร้านแห่งหนึ่งในซอยฉลองกรุง 13 ถนนฉลองกรุง แขวงลำปลาทิว เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ มีการเปิดให้บริการในลักษณะเป็นสถานบริการ ให้ประชาชนทั่วไปเข้าไปใช้บริการโดยไม่ได้รับอนุญาต มีการจำหน่ายสุราเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด มีการให้เยาวชน เข้าไปใช้บริการและมีการมั่วสุมยาเสพติดในร้าน

โดยเมื่อวันที่ 26 ต.ค. เวลาประมาณ 01.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้เดินทางไปตรวจสอบที่ร้าน ผลการตรวจสอบได้จับกุมตัวนายจักรี วันรักชาติ อายุ 50 ปี เจ้าของ/ผู้จัดการ/ผู้ดูแลร้านดังกล่าว โดยกล่าวหาว่า “ตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต , จำหน่ายสุราเกินเวลาฯ , จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้แก่ผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปี , ยุยงส่งเสริมให้เด็กเยาวชนประพฤติตนไม่สมควร” พร้อมตรวจยึดของกลางเป็นใบเสร็จรับเงินของ และ สุราไทยจำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ตรวจพบ เยาวชน ผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปี จำนวน 53 ราย เป็น เยาวชนอายุกว่า 18 ปี แต่ไม่เกิน 20 ปี 37 ราย เด็กอายุไม่เกิน 18 ปี จำนวน 15 ราย โดยตรวจพบผู้เสพยาเสพติดให้โทษ รวมทั้งสิ้น 115 ราย เป็นผู้เสพยาเสพติด 2 ประเภท คือ เมทแอมเฟตามีน (ยาเสพติดให้โทษประเภท 1) และ คีตามีหรือยาเค (วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสานประเภท 2)

ทั้งนี้ สำหรับผู้เสพทั้งหมดสมัครใจเข้ารับการบำบัดตาม พ.ร.บ.ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ.2545 โดยให้โอกาส ผู้เสพยาเสพติดที่สมัครใจเข้าสู่กระบวนการบำบัดฟื้นฟู โดย ผู้เสพทั้งสิ้น 115 ราย แบ่งเป็น ผู้เสพชาย จำนวน 67 ราย เข้ารับการคัดกรองเพื่อเข้าสู่กระบวนการบำบัดฟื้นฟูที่ กองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 6 กรมทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 1 (ปตอ.1 พัน.6) ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ ผู้เสพหญิง จำนวน 48 ราย เข้ารับการคัดกรองเพื่อเข้าสู่กระบวนการบำบัดฟื้นฟูที่ บ้านรักษ์ใจ ธัญบุรีคลอง 9 ตำบลบึงบา อำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ได้ทำการทำประวัติ และเรียกตัวผู้ปกครองมารับกลับไปอยู่ในความดูแลต่อไป

ด้านนายจักรี รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ว่า “ ตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต , จำหน่ายสุราเกินเวลาฯ , จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้แก่ผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปี , ยุยงส่งเสริมให้เด็กเยาวชนประพฤติตนไม่สมควร ” เจ้าหน้าที่จึงได้จับกุมตัวนายจักรี พร้อมของกลาง และ นำตัวผู้เสพยาเสพติดทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวน สน.ฉลองกรุง ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบ

นอกจากนี้ ได้จับกุม Mr. Ansari Mansur อายุ 56 ปีปล่อยเงินกู้นอกระบบ ดอกเบี้ยเกินว่าที่กฎหมายกำหนด สัญชาติอินเดีย ของกลางเงินสดรวม 17,900 บาท รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ 125i สี ดำ-แดง หมายเลขทะเบียน 5 กน 7267 สมุดจดบันทึกเงินกู้จำนวน 1 เล่ม โดยแจ้งข้อหา เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต, จัดหามาซึ่งเงินทุนแล้วให้ผู้อื่นนั้นกู้โดยไม่ได้รับอนุญาต และให้ผู้อื่นกู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด

ทั้งนี้ ยังมีคดีความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ค้ามนุษย์ จับกุมนางสาว อรวรรณ เพ็ญราชา อายุ 55 ปี ที่อยู่ 340 หมู่ที่ 3 ต.บางปูใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 255/2554 ลงวันที่ 22 มีนาคม 2554 ในฐานความผิดเกี่ยวกับเพศ, พรบ.คนเข้าเมือง, พรบ.การทำงานของคนต่างด้าว, พรบ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์”

อย่างไรก็ดี ยังได้จับกุมแก็งคอลเซ็นเตอร์ มีส่วนร่วมในองกรอาชญากรรมข้ามชาติ 2 ราย คือ น.ส.ณิชากานต์ พุทธวงค์ อายุ 31 ปี บ้านเลขที่ 81 หมู่ที่ 1 ต.แม่ฮี้ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลจังหวัดพระโขนง ที่ 355/2561 ลง 16 มิถุนายน 2561 และน.ส.ทัตพิชา พวงดอกไม้ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่36 หมู่ที่ 4 ต.ไทรใหญ่ อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลจังหวัดพระโขนง ที่ 357/2561 ลงวันที่ 16 มิถุนายน 2561 ในความผิดฐานมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ , กระทำการเป็นอั้งยี่และซ่องโจร,ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น,ร่วมกันฟอกเงิน และ ร่วมกันทุจริตหรือหลอกลวงนำเข้าข้อมูลสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือ ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อประชาชน