PTTEP - ซื้อ

PTTEP - ซื้อ

กำไรไตรมาส 3/61 ไม่เป็นตามคาด; แนวโน้มไตรมาส 4/61 เติบโตอย่างมีนัยสาคัญ

ต่ำกว่าคาดการณ์

PTTEP รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/61 ที่ 10,401 ล้านบาท พลิกกลับจากขาดทุนสุทธิในไตรมาส 3/60 และเพิ่มขึ้น 190% QoQ หากไม่รวมรายการพิเศษ กำไรหลักไตรมาส 3/61 จะอยู่ที่ 9,639 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% YoY แต่ลดลง 10% QoQ กำไรหลักและกำไรสุทธิไตรมาส 3/61 ต่ำกว่าที่เราคาดการณ์ 18% และ 16% ตามลำดับ เนื่องจากการรับรู้ราคาขายปิโตรเลียมเฉลี่ยที่ต่ำกว่าคาดและต้นทุนต่อหน่วยที่สูงกว่าประมาณการ

ประเด็นหลักผลประกอบการ

ในไตรมาส 3/61 บริษัทบันทึกรายการกำไรพิเศษรวม 23 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากภาษีจ่ายที่ลดลงเนื่องจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ, ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน, ขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์ และขาดทุนจากการขายสินทรัพย์โครงการมอนทารา การเติบโตของกำไรหลัก YoY มาจาก 1) ปริมาณขายปิโตรเลียมที่เพิ่มขึ้น และ 2) การรับรู้ราคาขายปิโตรเลียมเฉลี่ยที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตามต้นทุนต่อหน่วยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้กำไรหลักปรับตัวลดลง QoQ ปริมาณขายปิโตรเลียมในไตรมาส 3/61 เพิ่มขึ้น 2% YoY และ 1% QoQ มาอยู่ที่ 305,000 บาร์เรลต่อวัน หนุนโดยการรับรู้รายได้จากการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นอีก 22.22%ในโครงการบงกช (แม้ว่าอุปสงค์จะอ่อนตัว รวมถึงมีการหยุดซ่อมบำรุงในบางแหล่งผลิต) การรับรู้ราคาขายปิโตรเลียมเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 23% YoY และ 2% QoQ มาอยู่ที่ 47.67 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ในขณะเดียวกันต้นทุนต่อหน่วยปรับเพิ่มขึ้น 16% YoY และ 5% QoQ มาอยู่ที่ 33.00 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เนื่องจากค่าภาคหลวงและค่าเสื่อมราคาที่สูงขึ้น

แนวโน้ม

เป้าหมายสำหรับปี 2561 ของ PTTEP มีดังนี้ ปริมาณขายปิโตรเลียมเฉลี่ยอยู่ที่ 310,000 บาร์เรลต่อวัน, ราคาขายก๊าซเฉลี่ยอยู่ประมาณ 6.5 ดอลลาร์สหรัฐต่อล้านบีทียู และต้นทุนต่อหน่วยประมาณ 31 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล นั่นหมายความว่าตัวเลขสำหรับไตรมาส 4/61 จะเป็นดังนี้ ปริมาณขายปิโตรเลียมคาดว่าจะอยู่ที่ 340,000 บาร์เรลต่อวัน (เพิ่มขึ้น 9% YoY 11% QoQ) เนื่องจากปริมาณการซื้อก๊าซจากลูกค้าที่สูงขึ้นและการหยุดซ่อมบารุงแหล่งผลิตที่ลดลง ขณะที่ราคาขายก๊าซเฉลี่ยคาดว่าจะอยู่ที่ 7.1 ดอลลาร์สหรัฐ อล้านบีทียู (เพิ่มขึ้น 23% YoY, 10% QoQ) (จากตารางการปรับราคาในเดือน ต.ค.) และต้นทุนต่อหน่วยคาดว่าจะอยู่ที่ 32 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (เพิ่มขึ้น 3% YoY, ลดลง 3% QoQ) (ค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงลดลง, ค่าใช้จ่ายการสำรวจลดลง, ไม่มีผลกระทบจากโครงการมอนทาราซึ่งต้นทุนสูง) ทั้งนี้ กำไรหลักไตรมาส 4/61 คาดว่าจะเติบโต YoYและ QoQ และแตะจุดสูงสุดของปี 2561 อย่างไรก็ตามอัตราแลกเปลี่ยน(เงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐ) และแนวโน้มราคาน้ำมันยังคงเป็นตัวแปรหลักของกำไรสุทธิไตรมาส 4/61

สิ่งที่เปลี่ยนแปลง

ถึงแม้ว่ากำไรหลักในช่วงเก้าเดือนแรกคิดเป็น 61% ของคาดการณ์กำไรหลักปี 2561 ที่ 48,805 ล้านบาท เรายังคงประมาณการของเราไว้ไม่เปลี่ยนแปลง เนื่องจากเราคาดกว่ากำไรหลักไตรมาส 4/61 จะเติบโตอย่างมีนัยสาคัญทั้ง YoY และ QoQ

ค่าแนะน่า

เรามองว่าการเติบโตของกำไรหลักในไตรมาส 4/61 จะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นในระยะสั้น ทั้งนี้การรับรู้ราคาขายและปริมาณขายปิโตรเลียมที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลให้กำไรปี 2562 เติบโตแข็งแกร่ง ซึ่งหมายถึงว่าราคาหุ้นในปัจจุบันซื้อขายอยู่ที่ PER ปี 2562 ที่เพียง 9.8 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 12.0 เท่าค่อนข้างมาก นอกจากนี้แนวโน้มการเติบโตของปริมาณการผลิต หนุนโดยสัญญาแบ่งปันผลผลิต (PSC) ใหม่น่าจะขยายฐานกาไรของบริษัทในอนาคต เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ”