พนง.หนีตายอลหม่าน โรงงานอาหารสัตว์สารเคมีรั่วไหล

พนง.หนีตายอลหม่าน โรงงานอาหารสัตว์สารเคมีรั่วไหล

เหตุระทึกพนักงานหนีตายอลหม่าน หลังเกิดสารเคมีรั่วไหล ในโรงงานผลิตอาหารสัตว์ที่กบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 26 ตุลาคม 61 ศูนย์วิทยุหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสัจจพุทธธรรมแห่งประเทศไทย รับแจ้งจาหน่วยกู้ชีพโรงพยาบาลศูนย์เจ้าพระยาอภัยภูเบศร มีสารเคมีรั่วไหลและมีเพลิงลุกไหม้ภายในบริษัทไทยฟูดร์ อาหารสัตว์ จำกัด ตั้งอยู่หมู่ 7 ตำบลบ้านนา อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี มีพนักงานติดอยู่ภายในและสูดดมสารพิษจำนวนหลายราย หลังรับแจ้ง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอกบินทร์บุรี ตำรวจ สภ.กบินทร์บุรี เจ้าหน้าที่ทหาร กอ.รมน.เจ้าหน้าที่ดับเพลิง กู้ชีพ ได้เดินทางไปตรวจสอบ เบื้องต้น ผู้สื่อข่าวถูกห้ามไม่ให้เข้าภายใน และยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูล

พบว่าภายในโรงงานโซนผลิตอาหารสัตว์ มีกลุ่มควันไฟ และกลิ่นสารเคมีไม่ทราบชนิดเหม็นคลุ้งทั่วบริเวณ เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยต้องใช้ความระมัดระวัง พบว่ามีพนักงานจำนวนหลายรายสูดดมเข้าไปแล้ว เกิดอาการแน่นหายใจไม่ออก คลื่นไส้ และบางรายมีอาการแสบตา จำนวน 2 ราย หน่วยกู้ชีพต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลกบินทร์บุรี เบื้องต้นมีอาการแน่นหน้าอกหายใจไม่สะดวก นอกจากนี้ยังมีพนักงานอีกจำนวนหลายรายที่หลบหนีขึ้นไปยังชั้น 3 ของโซนผลิตอาหาร และเริ่มมีอาหารปวดแสบปวดร้อนผิวหนัง และแสบตาจำนวนหลายราย เบื้องต้นไม่ต่ำกว่า10 รายที่ยังรอดูอาการอยู่ภายในโรงงาน

จาการสอบถามเจ้าหน้าที่ที่ดูแล (ขอไม่เปิดเผยชื่อ) ทราบว่าก่อนเกิดเหตุหลังจากเข้างานได้ซักพักได้เกิดกลุ่มควันภายในอาคารหลังตังกล่าว ซึ่งเป็นโซนที่ใช้เตรียมผลิตอาหารสัตว์ ซึ่งเป็นชั้นล่าง ซึ่งจุดที่เกิดเหตุนั้นเป็นเครื่องโม่อาหาร เกิดอาการร้อนทำให้เกิดประกายไฟ จากนั้นได้เกิดสารเคมีรั่วไหลออกมา ทำให้เกิดกลุ่มควันกระจายคละคลุ้งไปทั่วบริเวณตัวอาคาร ทำให้คนงานเกิดอาการสำลักควัน ที่คาดว่าน่าจะเป็นสารเคมีซูลูชั่น

เบื้องต้นทราบว่ามีจำนวน 4 ราย และนำส่งโนรงพยาบาล จำนวน 2 ราย ได้แก่นายธีรโชติ จันทนะจุลพงษ์ ผจก.แผนก มีอาการแน่นหายใจไม่ออก หมดแรง รายที่ สอง คือนายธนกฤต ไชยดา อายุ 46 ปี หน.แผนกฝ่ายบรรจุ ที่เข้าไปช่วยระงับเหตุได้รับสาร มีอาการแสบตา ซึ่งทีมแพทย์ยังต้องให้นอนดูอาการ 24 ชั่วโมง ในส่วนของโรงงานรับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปตรวจสอบว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งยังต้องรอในส่วนของอุตสาหกรรมเข้าตรวจสอบถึงสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้ง ก่อนที่จะสรุปถึงสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้ง