อสังหาฯยุคใหม่ ดีไซน์เทรนด์เวลล์เนส

อสังหาฯยุคใหม่  ดีไซน์เทรนด์เวลล์เนส

“แสนสิริ” ลงทุนร่วม “โตคิวคอร์ป” สร้างคอนโดขนาด 8 ชั้น 4 อาคาร คอนเซปต์ที่อยู่อาศัยเพื่อความเป็นอยู่ที่ดี มูลค่ากว่า 2.4 พันล้าน พื้นที่ 7 ไร่บนถนนกรุงเทพกรีฑา ดึง รพ.สมิติเวช เสริมแกร่งด้านการแพทย์และสุขภาพ ผ่านแนวคิดแพทย์ทางไกลผสานออนไลน์-ออฟไลน์

รายงานการศึกษาเรื่องที่อยู่อาศัยเพื่อความเป็นอยู่ที่ดี (Build Well to Live Well 2018) โดยสถาบันสุขภาพโลก (Global Wellness Institute) ระบุว่านับตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา การพัฒนาที่อยู่อาศัยในกลุ่มเวลล์เนสทั่วโลกมีมูลค่าตลาดประมาณ 4.4 ล้านล้านบาท อัตราการเติบโต 6.4% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าการเติบโตของอุตสาหกรรมการก่อสร้างของโลกที่เติบโตที่ 1.5% และสามารถทำกำไรเฉลี่ย 10-25% มากกว่ารูปแบบเดิม โดยปัจจุบันมีโครงการและชุมชนที่เน้นการสร้างวิถีชีวิตเพื่อสุขภาพดีประมาณ 740 แห่งทั่วโลก

อสังหาฯเพื่อความเป็นอยู่ที่ดี

ปิติ จารุกำจร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมและบริหารกลยุทธ์ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โครงการอสังหาริมทรัพย์ “เวลล์เนส เรสซิเดนซ์” (Wellness Residence) มุ่งตอบความต้องการของกลุ่มผู้รักสุขภาพซึ่งมีทุกเพศวัยใน 3 เรื่องหลักคือ Safe & Security ความปลอดภัยการสนับสนุนและการเข้าถึงด้านบริการสุขภาพ, Holistic wellness facilities&Service สารธารณูปโภคและบริการด้านสุขภาพ และ Companionship&Active Lifestyle สังคมของคนรักสุขภาพที่เอื้อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และทำกิจกรรมร่วมกัน

แนวคิดของโครงการเวลล์เนสฯ มุ่งส่งเสริมสุขภาพดีในทุกๆ ด้านจากความต้องการของคนทุกวัย สะท้อนผ่านทั้งในการกำหนดคอนเซ็ปต์ การออกแบบ ส่วนวัสดุก็เลือกใช้ชนิดที่ดีต่อสุขภาพ ใช้เฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัวที่เหมาะกับสรีระผู้ใช้งาน ตลอดจนผสานจุดแข็งของพันธมิตรแต่ละรายเข้าด้วยกัน ประกอบด้วย แสนสิริ, โตคิวกรุ๊ปและสหโตคิวคอร์ปอเรชั่น ร่วมมือกันโดยมีสัดส่วนการลงทุน 70:29:1 ตามลำดับ

แสนสิริ ซึ่งเป็นเบอร์หนึ่งในตลาดอสังหาฯ ไทย ส่วนโตคิวคอร์เปอเรชั่นของญี่ปุ่นมีความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาโครงการเพื่อการใช้ชีวิตที่ดีในทุกช่วงวัย ขณะที่โรงพยาบาลสมิติเวชจะเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ดูแลบริการด้านสุขภาพให้กับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่เป็น Well-Cared ซึ่งมองหาโครงการที่อยู่อาศัยที่สามารถรักษาสุขภาพดีที่ยืนยาว รวมทั้งมีเพื่อนและสังคมที่มีความต้องการอย่างเดียวกัน

ชินจิ สึยามะ ผู้จัดการทั่วไปและตัวแทนในไทย บริษัท โตคิว คอร์ปอเรชั่น จำกัด (ประเทศญี่ปุ่น) กล่าวว่า ไทยเป็นตลาดที่เติบโตอย่างมาก โดยเฉพาะในด้านสุขภาพ ไม่เพียงแต่ธุรกิจโรงพยาบาล แต่รวมถึงการใส่ใจสุขภาพเชิงป้องกัน ตั้งแต่อาหาร การออกกำลังกายจนถึงที่อยู่อาศัย

ในส่วนของการออกแบบตามหลักที่อยู่อาศัยเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีนั้น จะมุ่งเน้นการสร้างพื้นที่และองค์ประกอบในที่อยู่อาศัยที่ส่งเสริมสุขภาพ ตั้งแต่ของการเลือกใช้วัสดุจนถึงองค์ประกอบต่างๆ ในโครงการ ขณะนี้อยู่ในช่วงของการทำแผนการออกแบบ คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2562 เบื้องต้นจะเป็นรูปแบบที่ไม่หวือหวา

สมิติเวชส่งเทเลเฮลท์ร่วมดูแล

ด้าน พญ.สุรางคณา เตชะไพฑูรย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มโรงพยาบาลสมิติเวชและโรงพยาบาลบีเอ็นเอช กล่าวว่า เทรนด์โรคของคนสมัยใหม่คือ กลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ซึ่งชี้ให้เห็นว่า ปัจจัยทางพันธุกรรมมีผลประมาณ 20% ต่อสุขภาพ ส่วนที่เหลืออีก 80% เป็นผลจากการใช้ชีวิตและปัจจัยภายนอก เช่น บ้าน ชุมชน สังคมและสิ่งแวดล้อมต่างๆ ล้วนแต่มีผลโดยตรงต่อสุขภาพ พฤติกรรม วิถีชีวิตและอารมณ์ ดังนั้น การดูแลสุขภาพ นอกจากจะเริ่มที่ตัวเองต้องเริ่มที่บ้าน ซึ่งสมิติเวชเองก็เดินหน้าเต็มที่เพือสนับสนุน โดยร่วมมือกับแสนสิริเป็นพันธมิตรรายแรก

“เราผสานแพลตฟอร์มทั้งออนไลน์และออฟไลน์ โดยนับเป็นโครงการแรกของไทยที่มีโซลูชั่นเพื่อสุขภาพครบวงจร บริการผ่านการใช้เทคโนโลยีการแพทย์ทางไกล หรือ Tele-health และ Plus+ Service โดยใช้โมบายแอพพลิเคชั่นของสมิติเวชเชื่อมกับโมบายแอพพลิเคชั่นของแสนสิริ”

ทางโรงพยาบาลจะนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อช่วยในเชิงป้องกันก่อนป่วย ผู้อยู่อาศัยในโครงการจะมีส่วนร่วมในกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพ บริการเพื่อสุขภาพและได้รับคำปรึกษา ตลอดจนบริการส่งเสริมสุขภาพทั้งทางกายภาพและจิตใจ ผ่านบริการโดยตรงและบริการผ่านช่องทางออนไลน์

ขณะเดียวกันบริการด้านสุขภาพสำหรับผู้อยู่อาศัยจะเน้นการป้องกันและให้คำปรึกษา เช่น ตรวจสุขภาพก่อนย้ายเข้าโครงการ ให้ความรู้ส่งเสริมสุขภาพและตรวจหาปัญหาสุขภาพ ตลอดจนโปรแกรมอื่นๆ เช่น การตรวจสอบทางพันธุกรรมและการแพทย์ที่เจาะลึกระดับยีน (Precision Medicine) รวมทั้งอุปกรณ์ตรวจสุขภาพเพื่อให้คำแนะนำแก่ผู้อยู่อาศัยได้อย่างทันท่วงทีผ่านเทเลเฮลท์ เป็นต้น