SCC - ซื้อ

SCC - ซื้อ

ความไม่แน่นอนที่เพิ่มมากขึ้น

จากการประชุมหลังประกาศผลประกอบการเมื่อวานนี้ ผู้บริหารดูเหมือนจะเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น เนื่องจากความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้นอันเนื่องมาจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้น ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนมากขึ้นและต้นทุนพลังงานที่ขยับตัวสูงขึ้น เพื่อที่จะสะท้อนความเสี่ยงดังกล่าว เราได้ปรับลดประมาณการกำไรในปี 2561-62 ลง 8%และราคาเป้าหมายปี 2561 จาก 500 บาทมาอยู่ที่ 450 บาท ณ ราคาปัจจุบัน อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลอยู่ที่ 3.9% สำหรับปี 2561 และ 4.4% สำหรับปี 2562 ซึ่งเรามองว่าสูงพอที่จะยังคงคำแนะนำ “ซื้อ”

สรุปผลประกอบการไตรมาส 3/61

SCC รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/61 ที่ 9.5 พันล้านบาท ลดลง 20%YoY และ 24% QoQ ต่ำกว่าที่เราคาดการณ์ 16% เหตุผลหลักมาจากบันทึกการด้อยค่าของสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 1.67 พันล้านบาท (1.32 พันล้านบาทมาจากธุรกิจซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง) หากไม่รวมรายการบันทึกการด้อยค่าของสินทรัพย์ กำไรหลักจะอยู่ที่ 10.3 พันล้านบาท
(ลดลง 3.4% YoY และ 14.6% QoQ) ใกล้เคียงกับที่เราประมาณการไว้การลดลงของกำไรจากทั้ง YoY และ QoQ เนื่องจากกำไรที่อ่อนตัวลงของธุรกิจซีเมนต์และปิโตรเคมี มีเพียงธุรกิจบรรจุภัณฑ์ที่มีการเติบโตทั้ง YoY และ QoQ หนุนโดยฐานที่ต่ำจากการปิดโรงงานซ่อมบำรุงในไตรมาส 3/60 ราคาผลิตภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้นและการลดต้นทุน

ธุรกิจซีเมนต์เริ่มสร้างโมเมนตัมการเติบโต

กำไรจากธุรกิจซีเมนต์เท่ากับเพียง 265 ล้านบาท ลดลง 83% YoY และ 84% QoQ เนื่องจากบันทึกการด้อยค่าของสินทรัพย์อยู่ที่ 1.32 พันล้านบาท โดยในจำนวนนี้ 820 ล้านบาทเป็นการบันทึกด้อยค่าความนิยมของธุรกิจจัดจำหน่ายที่อินโดนีเซีย และคอนกรีตผสมเสร็จ และอีก 500 ล้านบาทสำหรับมากจากการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีของธุรกิจ Thai Precast ในประเทศ อย่างไรก็ตาม เรามองว่าธุรกิจปูนซีเมนต์ในประเทศมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นมาก อุปสงค์ในประเทศขยายตัว 7% YoY ในไตรมาส 3/61 และที่ดีไปกว่านั้นคือความต้องการขยายตัวขึ้นในทุกกลุ่ม (ภาครัฐ+12% YoY, อาคารพาณิชย์ +5% YoY และที่อยู่อาศัย +3% YoY) ความต้องการใช้ซีเมนต์ที่มากขึ้นนี้หนุนให้ราคาสูงเพิ่มขึ้น 3% มาอยู่ที่ 1,700-1,750 บาท/ตัน และ SCC ได้ปรับเพิ่มการประมาณการเติบโตของอุปสงค์ในประเทศปี 2561 จาก 1-2% มาอยู่ที่ 3-4%

ธุรกิจปิโตรเคมีอ่อนตัวเนื่องจากสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ

ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนเริ่มกดดันอุตสาหกรรมปิโตรมีในภูมิภาค เนื่องจากสินค้าจากสหรัฐฯได้รับการเปลี่ยนเส้นทางจากที่เคยส่งเข้าประเทศจีนมาเป็นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้า 25% ราคาปิโตรเคมีอาจไม่สามารถรักษาราคาในระดับที่สูงเหมือนในช่วงครึ่งแรกปี 2561 ไว้ได้ ในขณะที่ราคาแนฟทาที่สูงจะ
กดดันส่วนต่างราคาอย่างต่อเนื่อง กำไรจากธุรกิจปิโตรเคมีน่าจะลดลงต่อเนื่อง YoY ในช่วง 2-3 ไตรมาสถัดไป

6 มาตรการที่จะจัดการกับความท้าทาย

ข้อแรก SCC จะแสวงหาโอกาสจากสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯโดยจะเปิดเข้าสู่ตลาดใหม่ ข้อที่สอง บริษัทจะประเมินโครงการในอนาคตทั้งหมดอีกครั้งเพื่อให้มั่นใจว่าได้ผลตอบแทนสูงสุดและได้คิดรวมความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นทั้งหมด ข้อที่สามบริษัทจะเพิ่มสัดส่วนการล็อคราคาถ่านหิน (ปัจจุบันอยู่ที่ 80% ของปริมาณถ่านหินที่จะใช้ในปี 2562) ข้อที่สี่บริษัทจะเพิ่มราคาสินค้าโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ข้อที่ห้าเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารเงินทุนหมุนเวียน ข้อสุดท้ายบริษัทจะใช้เทคโนโลยีเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ