'วรงค์-อลงกรณ์' โชว์กึ๋นชิงหน.ปชป. 'อภิสิทธิ์' รุดหาเสียงระยอง

'วรงค์-อลงกรณ์' โชว์กึ๋นชิงหน.ปชป. 'อภิสิทธิ์' รุดหาเสียงระยอง

ล่าเสียงสนับสนุน "วรงค์-อลงกรณ์" โชว์กึ๋นชิงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ด้าน "อภิสิทธิ์" รุดหาเสียงระยอง

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคประชาธิปัตย์ว่าวันนี้ ผู้สมัครชิงตำเเหน่งหัวหน้าพรรคสองคนเเสดงวิสัยทัศน์ โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะไปหาเสียงที่จ.ระยอง นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ผู้สมัครชิงตำเเหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยสมาชิก ‘กลุ่มเพื่อนหมอวรงค์’ ประกอบด้วย นายถาวร เสนเนียม อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายสมบัติ ยะสินธุ์ อดีต ส.ส.แม่ฮ่องสอน นายศุภชัย ศรีหล้า อดีต ส.ส.อุบลราชธานี และนายวิชัย ล้ำสุทธิ อดีต ส.ส.ระยอง ร่วมกันแถลงจุดยืนการทำงาน

นพ.วรงค์ กล่าวว่า นโยบายเร่งด่วนที่จะดำเนินการ ในแนวทางประชาธิปไตยสวัสดิการ โดยตนไม่เห็นด้วยกับเสรีประชาธิปไตย เพราะได้รับการพิสูจน์แล้วว่านำไปสู่การผูกขาด รวยกระจุก จนกระจาย หน้าที่ของเราต้องนำพาประชาชนเดินไปพร้อม ๆ กัน และวางนโยบายเร่งด่วน 2 ข้อ คือ เรื่องการบริหารจัดการภายในพรรค หากได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคจะทำให้เห็นผลภายใน 2 สัปดาห์คือ การคัดเลือกผู้สมัครจะให้สิทธิ ส.ส.เก่า แต่จะให้ความเป็นธรรมกับผู้สมัครที่ต้องการแข่งขัน เช่น จ.ชุมพร เราเคารพสิทธิส.ส.เก่า แต่ถ้ามีผู้สมัครหน้าใหม่ที่มีศักยภาพจะใช้ระบบไพรมารีโหวตให้สมาชิกในพื้นที่ตัดสิน และไม่ได้บ่งบอกว่าใครเป็นเด็กหรือเป็นคนของใคร เพราะสมาชิกพรรคเป็นคนตัดสิน และไม่ได้มีการล้างบางคนอดีตส.ส.ที่ไม่หนุนตัวเองอย่างที่มีบางคนเข้าใจ และเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการเปลี่ยนสส.ชุมพรยกจังหวัด แต่จะให้สมาชิกพรรคเป็นคนตัดสิน บนหลักการว่าพื้นที่ไหนที่มีการลดจำนวนส.ส. หรือมีการแข่งขัน

“เช่น พังงา มีส.ส.แข่งกันถ้าตกลงกันได้ ก็จบ แต่ถ้าตกลงกันไม่ได้ผู้บริหารไม่ควรตัดสินแต่จะให้สมาชิกพรรคตัดสิน นอกจากนี้จะเชิญประชุมประธานสาขาทั้งประเทศให้รับทราบทิศทางการนำพาพรรคและบทบาทการกระจายอำนาจไปยังประธานสาขาให้มีบทบาท อำนาจ หน้าที่ชัดเจน ซึ่งจะทำให้ประชาธิปัตย์แข็งแกร่งขึ้น และจะสร้างให้พรรคสัมผัสได้ เข้าถึงง่าย ไม่ใช่เอื้อมไม่ถึง และวันใดที่ผมมีอำนาจในรัฐบาลมีสิ่งที่จะดำเนินการให้เห็นผลภายในสามเดือน คือ ปัญหาปากท้องประชาชนให้คนจน เกษตรกรมีเงินในกระเป๋า ซึ่งจะเป็นต้นทางการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ด้วยการแก้ไขปัญหาสินค้าเกษตรตกต่ำ ทั้ง ปาล์ม ยางพารา และข้าว ทั้งนี้จากการพบประชาชนพบว่าเสรีนิยมทำให้เกิดการผูกขาด หากมีอำนาจจะทำลายการผูกขาดตรงนี้”

นพ.วรงค์ กล่าวว่า ปัญหาหนี้สินเกษตรกรเป็นเรื่องสำคัญที่ตนจะแก้ไขโดยมีเป้าหมายและระยะเวลาที่ชัดเจน รวมถึงการแก้ปัญหาเรื่องแหล่งน้ำในพื้นที่ภาคอีสาน สิ่งเหล่านี้คือเรื่องเร่งด่วนที่ต้องทำภายในสามเดือน ส่วนระยะยาว 3-4 ปี จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่านจุดแข็งของประทศ เช่น สินค้าเกษตร มีเกษตรปลอดภัย 100 % ส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ 50 % ของทุกจังหวัดภายใน 4 ปี ที่เป็นรัฐบาล รวมถึงธุรกิจท่องเที่ยว และธุรกิจพยาบาล เป็นต้น นอกจากนี้จะมีการเพิ่มสวัสดิการด้วยการเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุด้วย รวมทั้งจะมีการกระจายอำนาจด้วยการให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด ประกาศความเป็นมหานครให้กับ 10 หัวเมือง เช่น พิษณุโลก เชียงใหม่ ภูเก็ต สงขลา อุบลราชธานี เป็นต้น ด้วยการเร่งออกพระราชบัญญัติมหานครหลังมีอำนาจ โดยตนขอประกาศนำประเทศไทยแข่งกับสิงคโปร์ ซึ่งตนพร้อมเป็นทั้งหัวหน้าพรรคและนายกรัฐมนตรี

"ส่วนจุดยืนทางการเมืองนั้นต้องการให้การเมืองประเทศมีเสถียรภาพ โดยตนตั้งตัวเป็นตัวหลักมีจุดยืนทางการเมือง 4 ประการคือ 1. ไม่จับมือกับพรรคการเมืองที่ถือว่าการทุจริตคอรัปชั่นเป็นเรื่องปกติ 2.จะร่วมมือและทำงานร่วมกับทุกพรรคการเมืองที่เคารพกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมของประเทศ 3.ต่อต้านพรรคการเมืองที่ใช้อำนาจไม่ชอบ ใช้เสียงข้างมากเพื่อประโยชน์ส่วนตนและ 4. ระบอบประชาธิปไตยของแต่ละประเทศเป็นอัตลักษณ์ของแต่ละประเทศ จึงประกาศชัดเจนว่าประชาธิปัตย์จะเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ดังนั้นพรรคการเมืองใดมีพฤติกรรมจาบจ้วงถือว่าเป็นศัตรูกับพรรคประชาธิปัตย์

“ถ้าผมชนะเลือกตั้งจะเอาคนที่มีจุดยืนตรงกันมาร่วมงาน แต่ถ้าแพ้เลือกตั้งก็ต้องยืนหยัดสี่ประเด็นนี้เช่นเดียวกัน” นพ.วรงค์ กล่าว

นพ.วรงค์ กล่าวว่าตนเป็นคนไม่ยึดติด หากได้เป็นหัวหน้าพรรค แม้ชนะเลือกตั้ง แต่ถ้าผลงานออกมาไม่ดีถูกวิจารณ์ คะแนนนิยมตกต่ำ ตนไม่อยู่ ไม่ยึดติดในอำนาจ ต้องเปิดโอกาสให้คนใหม่มาทำหน้าที่ อย่างไรก็ตามยังไม่ได้หมายถึงการลาออกจากหัวหน้าพรรคทันทีหากผลงานไม่ดีเพราะมีวาระ 4 ปี ตนเพิ่งเข้ามาลองไปถามคนที่อยู่มา 13 ปีจะดีกว่า และไม่ขอตอบว่าหากได้เป็นหัวหน้าพรรคแต่แพ้เลือกตั้งจะออกจากตำแหน่งหรือไม่

ด้านนายอลงกรณ์ พลบุตร ผู้สมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์แถลงว่า ตนพร้อมที่จะเป็นหัวหน้าพรรคของทุกคนและพร้อมที่จะนำพรรคสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งด้วยจุดยืนนโยบายวิสัยทัศน์ใหม่ที่ชัดเจนเคยทำและทำได้จริงโดยเฉพาะแนวทางการเมืองสีขาวและกฎเหล็ก5ข้อจะพลิกโฉมหน้าพรรคประชาธิปัตย์แบบ360องศาและสร้างจุดเปลี่ยนการเมืองไทยแบบฉับพลันที่เรียกว่าปรากฎการณ์ Disruptive politics

เชื่อมั่นว่าสมาชิกพรรคและประชาชนต้องการการเมืองใหม่ไม่ต้องการการเมืองแบบเก่าๆเบื่อความขัดแย้งแตกแยกเบื่อการคอรัปชันเบื่อการผูกขาดต้นเหตุของความเหลื่อมล้ำยากจน การปฏิรูปพรรคด้วยแนวทางการเมืองสีขาว4-5-6คือความแตกต่างที่ชัดเจนและเป็นทางเลือกใหม่อย่างแท้จริงโดยตนมีเป้าหมาย3ประการคือ1.สร้างเอกภาพใหม่ภายในพรรค2.สร้างศักยภาพใหม่ด้วยการปฏิรูปพรรค 3.สร้างชัยชนะในการเลือกตั้ง

"จะชนะเลือกตั้งจะสร้างพรรคให้เข้มแข็งสิ่งแรกที่ต้องทำทันทีคือสร้างความสามัคคีก่อน ผมพร้อมเป็นโซ่ข้อกลาง เพื่อสร้างความเป็นเอกภาพของประชาธิปัตย์ตามคอนเซ็ปท์ครอบครัวเดียวกัน (One Democrat One Family) พร้อมกับปฏิรูปพรรคและเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้ง ถ้าเราไม่สามัคคีกันเราจะเดินต่อไปไม่ได้ไม่ว่าใครจะเป็นหัวหน้าพรรค”

นายอลงกรณ์กล่าวว่า การบรรลุเป้าหมายในภารกิจเลือกตั้งและภารกิจปฏิรูปดังกล่าวได้เตรียมแผนปฏิบัติการ 5 ภารกิจแรกทำทันที1.ฟอร์มทีมคณะกรรมการบริหารพรรคจากทุกฝ่ายรวมทั้งทีมนายอภิสิทธิ์และทีมนพ.หมอวรงค์ต่อที่ประชุมใหญ่ วันที่11 พ.ย. 2.แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารการเลือกตั้ง 3.แต่งตั้งคณะกรรมการปฏิรูปพรรค 4.แต่งตั้งคณะกรรมการคุณธรรม 5.จัดตั้งหน่วยงานใหม่ 5 สำนัก 4 ศูนย์ภายใน 1.สำนักงานวิจัยและพัฒนานโยบาย 2.สำนักบริหารงานการเมือง(งานสภาฯ งานส.ส. งานกฎหมาย งานท้องถิ่น)3.สำนักกิจการต่างประเทศ4.สำนักบริการประชาชน5.สำนักบริหารกิจการสมาชิกและสาขาพรรคส่วนกลางและสำนักบริหารกิจการภูมิภาค5แห่ง6.ศูนย์คนรุ่นใหม่ (Dynamic Democrat)7.ศูนย์ITเทคโนโลยีสารสนเทศ (Digital Democrat)8.สถาบันประชาธิปัตย์ (Democrat Academy)9.ศูนย์โฆษกพรรค

นายอลงกรณ์กล่าวว่า การสร้างเอกภาพใหม่และการสร้างศักยภาพใหม่ด้วย4ภารกิจแรกคือการวางฐานที่แข็งแรงสำหรับการเลือกตั้งที่จะมาถึงและต้องฟื้นฟูศรัทธาความเชื่อมั่นเพื่อขอโอกาสใหม่จากประชาชนด้วยจุดยืนประชาธิปไตยวาระเร่งด่วนที่ต้องพร้อมบริหารประเทศเมื่อเป็นรัฐบาลเช่นเรื่องเศรษฐกิจปากท้องคนรากหญ้าเรื่องแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำปัญหาความแตกแยกเป็นต้นจึงได้กำหนด10วาระเร่งด่วนทำทันทีเพื่อให้เห็นว่าประชาธิปัตย์ยุคใหม่มีความพร้อมทั้งการบริหารและนโยบายวิสัยทัศน์แบบติดดาวติดดิน ติดโลกติดรากหญ้าคือ

นายอลงกรณ์กล่าวต่อไปว่า 1. ปราบคอร์รัปชันแบบเฉียบขาด 2. ปฏิรูปการศึกษาแนวใหม่ 3. ผ่าตัดตำรวจและ กฎหมาย 4. สร้างเศรษฐกิจ6โมเดลใหม่ 5. ขจัดการผูกขาด ลดความเหลื่อมล้ำ 6. ปฏิรูปที่ดินและกระจายการถือครองที่ดิน 7. สวัสดิการคนจน 1 ล้านคน 8. ปฏิรูประบบราชการ ลดขนาดภาครัฐ กระจายอำนาจ ปฏิรูปงบประมาณและภาษี 9. งานวิจัยและพัฒนา นวัตกรรม ทรัพย์สินทางปัญญา 10. เร่งขับเคลื่อนเทคโนโลยีและสานต่อดิจิตอลไทยแลนด์

“การเลือกตั้งที่จะมาถึงคือภารกิจเฉพาะหน้าที่หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์จะต้องนำทัพสู่สนามเลือกตั้งภายใต้สถานการณ์ที่ตึงเครียดเผชิญหน้า การเลือกตั้งครั้งนี้ต้องการผู้นำพรรคที่ไม่ใช่คู่ขัดแย้งและสามารถคุยกับทุกฝ่ายด้วยการเคารพจุดยืนของกันและกัน เคารพความแตกต่างแต่ไม่แตกแยกแบ่งฝ่ายและเครรพหลักนิติรัฐ ผมพร้อมเป็นโซ่ข้อกลางสร้างความปรองดองในชาติและสร้างตัวอย่างความสามัคคีในพรรคจึงมั่นใจในประสบการณ์คุณวุฒิวัยวุฒิและแนวทางการเมืองสีขาวจึงขอโอกาสจากสมาชิกช่วยสนับสนุน ผมจะเป็นหัวหน้าพรรคที่ดีของทุกคน” นายอลงกรณ์ กล่าว