คุกตลอดชีวิต แก๊งไขควงรุมฆ่า 'น้องปอนด์'

คุกตลอดชีวิต แก๊งไขควงรุมฆ่า 'น้องปอนด์'

ศาลจำคุกตลอดชีวิต แก๊งไขควงรุมฆ่า "น้องปอนด์" นักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปากรเสียชีวิต แม่ยังทำใจไม่ได้ เปิดโลงดูหน้าลูกทุกวัน

เมื่อวันที่ 24 ต.ค.61 ที่ห้องพิจารณา 701 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 10.00 น. ศาลอ่านคำพิพากษาคดีฆ่าไขควงแทงขมับ นักศึกษาชาย ม.ศิลปากร วิทยาเขตเพชรบุรี หมายเลขดำ อ.1756/2560 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ และ เจ้าของหอพัก , ผู้บาดเจ็บ 2 ราย และมารดาของนายธีรพงศ์ หรือปอนด์ ฐิติฐาน ผู้ตาย เป็นโจทก์ร่วมที่ 1-4 ยื่นฟ้อง นายกรกนก หรืออาร์ท วรัญญสาธิต อายุ 23 ปี กับพวกที่เป็นชายอีก 12 คน และหญิงอีก 1 คน ซึ่งเป็นชาว จ.เพชรบุรี และ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นจำเลยที่ 1-14 ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 , ร่วมกันทำร้ายผู้อื่นบาดเจ็บได้รับอันตรายแก่กายและจนถึงแก่ความตาย มาตรา 290 , ร่วมกันบุกรุกเคหะสถานในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธและใช้กำลังประทุษร้าย มาตรา 362,365 (1)(2)(3) และพกพาอาวุธมีดไปในเมืองฯ โดยไม่มีเหตุอันควร รวม 4 ข้อหา ซึ่งเจ้าของหอพักโจทก์ร่วมที่ 1 ได้ยื่นคำขอให้จำเลยร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนความเสียหาย รวม 538,000 บาท , ผู้ได้รับบาดเจ็บแขนขวา โจทก์ร่วมที่ 2 ขอให้ชดใช้ รวม 306,000 บาท , ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บบริเวณใบหน้า โหนกแก้ม ขอให้ชดใช้ รวม 250,000 บาท และมารดาของน้องปอนด์ ผู้ตาย ขอให้ชดใช้รวม 7,200,000 บาท

โดยชั้นพิจารณา นายกรกนก หรืออาร์ท วรัญญสาธิต อายุ 23 ปี จำเลยที่ 1 , ส.ต.ชรินทร หรือบิ๊ก แก่นสาร อายุ 21 ปีที่ 3 , นายญาณวัฒน์ หรือปาล์ม ทิพย์เที่ยงแท้ อายุ 20 ปี ที่ 4 , นายเรวัติ หรือเต้ย วงศ์ขยาย อายุ 21 ปี ที่ 5, นายกฤตนันท์หรือปาล์ม เนียมเงิน อายุ 21 ปี ที่ 6 , นายเศรษฐาหรือเติ้ล อุปถัมภ์ อายุ 27 ปี ที่ 7, นายธีราพัฒน์หรืออั้ม โพธิ์สุทธิ์ อายุ 20 ปี ที่ 8 , นายธีรธานนท์หรือนนท์ ทัพนาค อายุ 21 ปี ที่ 9 , นายภาคินหรือมิค เสือนาค อายุ 19 ปีเศษ ที่ 10 , นายศุภสิทธิ์หรือแป้ง ดีท้วม อายุ 21 ปี ที่ 11 , นายอธิบดีหรือซีม กุญแจทอง อายุ 22 ปี ที่ 12 , นายชินกิตติ์หรือกิต อรรถวรรธน อายุ 22 ปี ที่ 13 และน.ส.มาริสาหรือลูกหมี เงินทอง อายุ 21 ปี ที่ 14 ได้รับการประกันตัวไป

มีเพียง นายเดชาธรหรือไบร์ท มูลมณี อายุ 21 ปี จำเลยที่ 2 ที่ไม่ได้ประกันตัว จึงถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ นับตั้งแต่ชั้นฝากขังเมื่อปี 2560 เรื่อยมาจนถึงชั้นพิจารณาคดี โดยวันนี้ศาลได้เบิกตัว นายเดชาธรหรือไบร์ท จำเลยที่ 2 มาจากเรือนจำสวมหน้ากากอนามัยปิดปาก-จมูก โดยยังคงเห็นว่ามีสีหน้าสดใส ไม่ดำคล้ำ ซึ่งได้ทักทายกับเพื่อนจำเลยที่นั่งใกล้เคียง โดยจำเลยทั้ง 13 คนที่ได้รับประกันก็มาศาลครบทุกคน ซึ่งมีญาติและกลุ่มเพื่อนมาให้กำลังใจนั่งลุ้นคำพิพากษากว่า 50 คน เต็มห้องพิจารณาคดี โดยฝ่ายครอบครัวผู้ตาย ก็มีป้าและญาติมาร่วมติดตามผลคำตัดสินด้วยเช่นกัน

โดยคดีนี้ อัยการยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.60 บรรยายพฤติการณ์สรุป ว่า เมื่อวันที่ 25 ก.พ.60 จำเลยทั้ง 14 ร่วมกันใช้มีดพกยาว 50 เซนติเมตร 1 เล่มไปที่หอพักบ้านเกรียงไกรเลขที่ 153/2 ตำบลสามพระยา อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี บุกเข้าไปที่ห้องพักเลขที่ 13 ใช้กำลังประทุษร้ายทำร้ายร่างกาย นายศิวรักษ์ นาโค ชกต่อยไปตามร่างกายหลายครั้ง กับใช้ขวดตีที่ศีรษะ 1 ครั้ง ใช้มีด 1 เล่มฟันแขนขวาของนายศิวรักษ์ได้รับอันตราย และที่หน้าผาก กับใช้กำลังประทุษร้าย นายธนพล พุทธมา โดยใช้ไขควงซึ่งวางอยู่ในห้องที่เกิดเหตุแทงที่โหนกแก้มซ้ายหนึ่งครั้ง ได้รับอันตรายแก่กาย และพวกจำเลยยังได้ทำร้ายร่างกาย นายธีรพงศ์ หรือน้องปอนด์ ฐิตะฐาน อายุ 24 ปีนักศึกษาชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตเพชรบุรีหลายครั้ง โดยจำเลยที่ 1, 2 ,4, 7, 8 ,9 ,11 , 13 มีเจตนาฆ่า นายธีรพงศ์ ใช้ไขควงปลายแหลมเป็นอาวุธแทงนายธีรพงศ์ที่ขมับศีรษะด้านขวาทะลุผ่านกะโหลกศีรษะเข้าไปในเนื้อสมองจนฉีกขาด และมีเลือดออกในสมอง ถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจยึดด้ามไขควงสีเหลือง-ดำ จากที่เกิดเหตุ

ต่อมาวันที่ 1 มี.ค.60 เจ้าหน้าที่จับกุมจำเลยที่ 1 ได้ ขณะที่จำเลยที่ 2 เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน ต่อมาวันที่ 2 มี.ค.60 จำเลยที่ 3 -10 เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน วันที่ 4 มี.ค.60 จำเลยที่ 11 และ 12 เข้ามอบตัว และวันที่ 5 มี.ค.60 จำเลยที่ 13 และ 14 มอบตัว พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหากับจำเลยทั้ง 14 ชั้นสอบสวนจำเลยทั้ง 14 ให้การปฏิเสธ ส่วนชั้นพิจารณาจำเลยที่ 1 ได้รับสารภาพว่าบุกรุกเข้าไปหอพักและห้องพักแต่บ่ายเบี่ยงว่าไม่ได้ฆ่า ส่วนจำเลยที่ 2 ก็ให้การรับสารภาพ ขณะที่จำเลยอื่นบางคนก็ให้การรับสารภาพบุกรุกเช่นกัน ส่วนข้อหาอื่นให้การปฏิเสธ

ส่วน น.ส.มาริสา จำเลยที่ 14 ได้ความว่า ขณะเกิดเหตุ แม้นั่งมาในรถกับจำเลยที่ 1-13 ด้วย ก็ภายหลังไม่ได้ลงจากรถยนต์ ขณะที่จำเลยที่ 14 เองก็เช่าห้องพักเลขที่ 16 อยู่ในหอพักดังกล่าวด้วย ซึ่งเป็นปกติที่จำเลยที่ 14 จะต้องเดินทางมาที่ห้องพัก ซึ่งไม่ใช่การกระทำของการบุกรุกฯ จึงพิพากษา จำเลยที่ 1,2,4,5,6,7,8,911,13 มีความผิดฐานบุกรุกในเวลากลางคืนโดยมีใช้กำลังประทุษร้าย โดยร่วมกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ม.364,365 (1)(2)(3) ส่วนจำเลยที่ 3,10,12 มีความผิดตาม ม.364 ,365 (2)(3)

โดยจำเลยที่ 1,2 ยังมีความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาตามมาตรา 288 และ จำเลยที่ 4,5,6,7,8,9,11,13 มีความผิดฐานร่วมกันกระทำการซึ่งไม่ได้มีเจตนาฆ่าแต่ได้ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย ซึ่งการกระทำของจำเลยนั้นเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป จึงพิพากษา ให้จำคุกตลอดชีวิต นายกรกนก หรือ อาร์ท จำเลยที่ 1 ฐานฆ่าผู้อื่นฯ ตาม ม.288 และจำคุกฐานร่วมกันบุกรุกโดยมีเหตุฉกรรจ์ตาม มาตรา 364 และ 365 (1)(2)(3) อีก 1 ปี โดยจำเลยให้การรับสารภาพฐานร่วมกันบุกรุกฯ จึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกเฉพาะข้อหาบุกรุกนี้เป็นเวลา 6 เดือน แต่เมื่อถูกวางโทษจำคุกตลอดชีวิตในข้อหาฆ่าผู้อื่นแล้ว จึงไม่อาจเรียงกระทงลงโทษกับความผิดอื่นได้อีก จึงให้จำคุกตลอดชีวิต จำเลยที่ 1 ไว้สถานเดียว

นายเดชาธรหรือไบร์ท จำเลยที่ 2 ให้จำคุกตลอดชีวิตฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นฯ มาตรา 288 และจำคุกฐานร่วมกันบุกรุกโดยมีเหตุฉกรรจ์ตาม มาตรา 364 และ 365 (1)(2)(3) อีก 1 ปี โดยจำเลยให้การรับสารภาพ จึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่ 2 เป็นเวลา 25 ปี 6 เดือน

ส่วน ส.ต.ชรินทรหรือบิ๊ก จำเลยที่ 3 , นายภาคินหรือมิค จำเลยที่ 10 , นายอธิบหรือซิม จำเลยที่ 12 ซึ่งขณะเกิดเหตุยืนอยู่เพียงหน้าห้องนั้น ให้จำคุกคนละ 1 ปี ร่วมกันบุกรุกโดยมีเหตุฉกรรจ์ตาม มาตรา 364 และ 365 (2)(3)

สำหรับนายญาณวัฒน์หรือปาล์ม จำเลยที่ 4, นายเรวัติหรือเต้ย จำเลยที่5, นายกฤตนันท์หรือปาล์ม จำเลยที่ 6 , นายศุภสิทธิ์หรือแป้ง จำเลยที่ 11 ให้จำคุกคนละ 10 ปี ฐานร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ตาม มาตรา 290 และข้อหาบุกรุกฯ ให้จำคุกอีกคนละ 1 ปี รวมจำคุกทั้งสิ้นคนละ 11 ปีโดยส่วนของนายญาณวัฒน์ จำเลยที่ 4 นั้นให้บวกโทษจำคุก 1 เดือนของศาลจังหวัดหัวหินเข้ากับคดีนี้ด้วยรวมจำคุกจำเลยที่ 4 มีกำหนด 11 ปี 1 เดือน และนายเศรษฐาหรือเติ้ล จำเลยที่ 7 , นายธีราพัฒน์หรืออั้ม จำเลยที่ 8 , นายธีรธานนท์หรือนนท์ จำเลยที่ 9 ,นายชินกิตติ์หรือกิต จำเลยที่ 13 ให้จำคุกคนละ 10 ปี ฐานร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนได้รับอันตรายฯ ม.290 และบุกรุกฯ อีกคนละ 1 ปี ซึ่งจำเลยให้การรับสารภาพฐานร่วมกันบุกรุกจึงลดโทษให้กึ่งหนึ่งเฉพาะข้อหาบุกรุกให้จำคุกไว้คนละ 6 เดือน เมื่อรวมโทษทุกกระทงความผิดคงจำคุกจำเลยที่ 7,8,9,13 ไว้คนละ 10 ปี 6 เดือน โดยพิพากษายกฟ้อง น.ส.มาริสา หรือลูกหมี จำเลยที่ 14 เพียงคนเดียวในทุกข้อหา

นอกจากนี้ยังให้จำเลยที่ 1-13 ร่วมกันชดใช้เงินค่าเสียหายแก่เจ้าของหอพักโจทก์ร่วมที่ 1 ด้วย 150,000 บาท และให้จำเลยที่ 1,2,4,5,6,7,8,9,11,13 ชดใช้ผู้บาดเจ็บโจทก์ร่วมที่ 2 จำนวน 125,000 บาท , โจทก์ร่วมที่ 3 จำนวน 95,000 บาท และมารดาผู้ตาย โจทก์ร่วมที่ 4 จำนวน 6,870,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันที่ 25 ก.พ.60 (วันเกิดเหตุ)

ทั้งนี้ ภายหลังฟังคำพิพากษา นางอรุณี ดีสุวรรณ ป้าของน้องปอนด์ ผู้ตาย กล่าวว่า วันนี้ศาลได้ให้ความยุติธรรมที่สุดแล้ว เบื้องต้นครอบครัวพอใจกับผลโดยจะไม่ยื่นอุทธรณ์คดีต่อ แต่หากฝ่ายจำเลยยื่นอุทธรณ์ ก็เป็นเรื่องของอีกฝ่าย โดยขอให้คนที่ฆ่าหลานตนเองไปรับโทษตามกฎหมายซึ่งยังไม่ขออโหสิกรรมให้

ส่วนศพน้องขณะนี้ยังแช่อยู่ในโลงเย็นที่บ้าน จ.ชุมพร ก็ยังรอดูจนกว่าคดีจะสิ้นสุดจริงในชั้นศาลแล้วจะพิจาณาเรื่องการฌาปนกิจต่อไป โดยแม่เขายังทำใจไม่ได้ ทุกวันกลับจากทำงานยังกลับมาเปิดดูหน้าลูกชายในโลงทุกวัน ซึ่งหากน้องปอนด์ฟังอยู่อยากบอกว่าให้น้องไปสู่สุขคติ และไปยังภพภูมิที่ดี ชาติหน้ามีจริงขอให้เกิดมาเป็นคนในครอบครัวอีก