TIGER

TIGER

TIGER ผู้รับเหมาก่อสร้างรายเล็กแต่ศักยภาพสูง

บริษัท ไทย อิงเกอร์ โฮลดิ้ง จำกัด(มหาชน) (TIGER) ประกอบธุรกิจผ่านบริษัทย่อย 3 บริษัทได้แก่ 1) TEC (TIGER ถือหุ้น 99.99%) ให้บริการรับเหมาก่อสร้างงานวิศวกรรมโยธาทุกประเภทรวมทั้งงานออกแบบวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม (Build and Design) 2) TEA (TEC ถือหุ้น 99.99%)  ประกอบธุรกิจออกแบบและผลิต พร้อมติดตั้งอุปกรณ์จากกระจกและอลูมิเนียม สำหรับงานสถาปัตยกรรมและงานตกแต่ง และ3) TEM (TEC ถือหุ้น 70.0%)   ประกอบธุรกิจออกแบบและผลิต พร้อมติดตั้งระบบน้ำดีและน้ำเสีย รวมทั้งจัดหาและจำหน่ายวัสดุและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับงานก่อสร้างอื่นๆ โดยบริษัทเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประมูลงานในอนาคต ฝ่ายวิจัยประเมินราคาเหมาะสมอยู่ที่ราว 5.00 บาทต่อหุ้นสำหรับปี 2562

ประเด็นสำคัญในการลงทุน

  • TIGER รับเหมาก่อสร้างรายเล็กแต่ศักยภาพสูง : ดำเนินธุรกิจดังนี้ 1) ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างงานวิศกรรมโยธาทุกประเภท (TEC) มีสัดส่วนรายได้ราว 99% ของรายได้รวม 2) ธุรกิจออกแบบ ผลิตพร้อมติดตั้งกระจกและอลูมิเนียม (TEA) มีสัดส่วนรายได้ 1% และ3)ธุรกิจออกแบบ ผลิตพร้อมติดตั้งระบบน้ำดีและน้ำเสียรวมทั้งจัดหาและจำหน่ายวัสดุอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับงานก่อสร้าง (TEM) ยังไม่สร้างรายได้เนื่องจากอยู่ในช่วงจัดตั้งธุรกิจ โดยบริษัทเล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจของ TEA และ TEM ในการต่อยอดงานด้านสถาปัตยกรรมและตกแต่งซึ่งใช้ความชำนาญเฉพาะส่งผลให้สร้างกำไรได้ดีกว่าธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในอนาคต โดยปี 60 บริษัทรับงานก่อสร้างทั้งภาครัฐฯและภาคเอกชนในสัดส่วน 48% และ 52% ตามลำดับ โดยงานภาครัฐบริษัทจะเป็นผู้รับเหมาะช่วง (Sub-Contractor) ขณะที่งานภาคเอกชนเน้นงานก่อสร้างอาคารและโรงแรม
  • งานก่อสร้างภาครัฐมีโอกาสเติบโตสูง : แนวโน้มอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างปี 2561-2563 คาดว่าจะเติบโต 7-9 %ต่อปี เป็นผลจากการเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของรัฐราว 61 โครงการวงเงินลงทุนรวม 2 ล้านล้านบาทซึ่งจะดำเนินการก่อสร้างไปถึงปี 2569 เพื่อพัฒนาประเทศให้เป็นศูนย์กลางการคมนาคมและโลจิสติกส์ของเอเชียในอนาคต โดยมีโครงการสำคัญ ได้แก่ การก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง รถไฟรางคู่ และมอเตอร์เวย์ 3 เส้นทาง เป็นต้น โดยการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐจะส่งผลให้มีการลงทุนภาคเอกชนตามมาในอนาคต
  • คาดการก่อสร้างโรงแรมเติบโตตามจำนวนท่องเที่ยว : ตั้งแต่ปี 2557-2560 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเติบโตเฉลี่ย 12.5%ต่อปีสู่ระดับ 35.4 ล้านคนต่อปี ซึ่งช่วยสร้างรายได้ให้ประเทศราว 2.75 ล้านล้านบาท โดยเรามีมุมมองบวกต่อจำนวนโรงแรมและรีสอร์ทในประเทศไทยซึ่งมีโอกาสเติบโตตามจำนวนนักท่องเที่ยว โดย TIGER มีความรู้ความชำนาญในการก่อสร้างโรงแรมและรีสอร์ททำให้ได้รับผลบวกตามการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
  • คาดกำไรปี 61 – 62 เติบโตอย่างก้าวกระโดด : ฝ่ายวิจัยคาดว่ารายได้ปี 61-62 จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากงานในมือ (Backlog ) สิ้นเดือน มิ.ย. ที่มีอยู่ 655 ล้านบาทซึ่งคาดว่าจะรับรู้รายได้ภายในปี 61 ทั้งหมดช่วยหนุนรายได้และผลประกอบการ 2H61 ให้เติบโตต่อเนื่อง นอกจากนี้การนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะช่วยปลดล็อคข้อจำกัดด้านเงินทุน เนื่องจากงานรับเหมาก่อสร้างโดยปกติจะใช้เงินทุนหมุนเวียนราว 20-30% ของมูลค่าก่อสร้าง เราคาดว่าปี 61 จะมีรายได้ราว 869 ล้านบาทเติบโต 41%YoY จากการรับรู้รายได้ Backlog ที่มีในปัจจุบัน ขณะที่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะปรับลงจากปีก่อนที่ 18.5% สู่ระดับ 6% เนื่องจาก Backlog ส่วนใหญ่เป็นงานก่อสร้างที่ไม่มีความซับซ้อนมากนัก ด้านค่าใช้จ่ายในการบริหารคาดว่าจะทรงตัวที่ระดับ 4.0% ของยอดขาย โดยเราคาดว่าปี 61 จะรายงานกำไรสุทธิราว 90 ล้านบาท +33%YoY ขณะที่ปี 62 รายได้จะเติบโตต่อเนื่องสู่ 1.4 พันล้านบาท +77%YoY จากการเข้าประมูลงานใหม่หลังได้รับเงินจากการระดมทุน และคาดว่าจะมีกำไรสุทธิราว 153 ล้านบาท +70%YoY
  • การประเมินมูลค่าหุ้น : ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าหุ้นด้วยวิธี Price to Earning Ratio (P/E Ratio)โดยอ้างอิงจากบริษัทที่ดำเนินธุรกิจที่คล้ายคลึงกัน อาทิ SYNTEC PREB TPOLY และ CRD ซึ่งมี P/E Ratio อยู่ในช่วง 8-15 เท่า โดยเราใช้ Prospective P/E ที่ 15 เท่าเนื่องจากศักยภาพการเติบโตของบริษัทที่สูงกว่ากลุ่ม โดยเราประเมิน EPS ปี 62 อยู่ที่ 0.33 บาทต่อหุ้น ได้ราคาเหมาะสม 5.00 บาทต่อหุ้น และคาดหวังอัตราเงินปันผลที่ 3.3% ต่อปี

ปัจจัยเสี่ยง: 1) ประมูลงานได้น้อยกว่าคาด

                2) ต้นทุนวัสดุก่อสร้างปรับตัวขึ้น