อ่อนตัว

อ่อนตัว

SET Index วันจันทร์ที่ผ่านมา ปรับตัวลงสวนทางกับตลาดภูมิภาค ถึงแม้สถานการณ์เศรษฐกิจของต่างประเทศเริ่มผ่อนคลายลง

อย่างไรก็ตาม แรงกดดันภายในประเทศ หลังจากการประกาศตัวเลขการส่งออกของเดือน ก.ย. ออกมาต่ำกว่าที่คาด กดดันให้ดัชนีหลุดแนวรับสำคัญที่ 1,665 จุด ยิ่งทำให้นักลงทุนบางส่วนขายหุ้นออกมา ส่งผลให้ SET Index ปิดที่ 1,658.56 จุด (-9.35 จุด) Volume 4.1 หมื่นลบ. จาก Foreign Net  -61.50 ลบ. TFEX Net +2,196 สัญญาตราสารหนี้ -1,847 ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

-ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลดลง 125.98 จุด -0.50% กังวลความสัมพันธ์สหรัฐ-ซาอุฯ นักลงทุนผิดหวังผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน

-ราคาน้ำมันลดลงหลังซาอุฯยืนยันว่าจะรักษาเสถียรภาพตลาดน้ำมัน และจะไม่ใช้น้ำมันเป็นเครื่องมือทางการเมืองตอบโต้หากซาอุฯถูกคว่ำบาตรกรณีนายจามาล คาช็อกกี นักข่าวซาอุดีอาระเบียเสียชีวิต

-EU ปฏิเสธร่างงบประมาณประจำปี 62 ของอิตาลีที่เพิ่มระดับขาดทุนสู่ 2.4% ของ GDP ขณะที่รัฐบาลชุดเดิมยืนยันว่าจะยืนระดับขาดดุลที่ 0.8% ของ GDP

-เฟดชิคาโกเผยดัชนีกิจกรรมเศรษฐกิจทั่วประเทศปรับตัวลงในเดือนก.ย.

-นักลงทุนวิตกศก.จีนชะลอตัวหลังมีรายงานว่า GDP 3Q61 ของจีนขยายตัว 6.5%YoY ชะลอตัวลงจาก 2Q61 ที่ขยายตัว 6.7%

+/- Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD ขาย 2.59 แสนล้านบาท ค่าเงินบาท 32.79 บาท/US

** จับตาการประชุมครม.วันนี้ ก.ท่องเที่ยวฯ จะเสนอมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของไทยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี

คาดตลาดหุ้นไทยวันนี้มีแนวโน้มอ่อนตัวจากการที่ตลาดหุ้นต่างประเทศและตลาดหุ้นจีนปิดปรับลง ราคาน้ำมันร่วงแรง ทั้งนี้ยังมีปัจจัยกดดันจากนักลงทุนต่างชาติยังมีสถานะขายอย่างต่อเนื่อง  คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ  1,640-1,665 จุด

กลยุทธ์การลงทุน  

- ดัชนีค่าระวางเรือแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือน 1,577 จุด PSL

-หุ้น Theme EEC play : AMATA, WHA, EASTW, ATP30, ORI

- หุ้นที่คาดว่า 2H61 จะเติบโตต่อเนื่อง ANAN ORI SC KCE CPF SVI

- หุ้น MAI ที่ผลประกอบการ 2H61 เติบโตต่อเนื่อง XO CHAYO TACC SSP AUCT

หุ้นแนะนำพิเศษ

HMPRO (ราคาปิด 15.00  ซื้อ ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 16.16)

  • กำไรสุทธิงวด 1H61 อยู่ที่ 2,562 ลบ. +18%YoY จากรายได้รวมเติบโต 4% สู่ 30,319 ลบ. เนื่องจากยอดขาย Same Store Sales ของโฮมโปรที่ไทยและมาเลเซียเพิ่มขึ้น อัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นเป็น 27% จาก 26% ใน 2Q60 เนื่องจากมีสัดส่วนยอดขายสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูงเพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายทางการเงินที่ลดลง 16%YoY หลังจากบริษัท Refinance หุ้นกู้ที่ครบกำหนด ทำให้อัตราดอกเบี้ยลดลง โดยกำไรสุทธิ 1H61 คิดเป็น 45 % ของประมาณการ Bloomberg Consensus ที่ 5,659 ลบ.
  • ผบห. ปรับเป้าการเปิดสาขา HMPRO S ลดลงจากเดิม 8 สาขาเหลือ 6 สาขา โดยปัจจุบันเปิดแล้ว 2 สาขาที่ Paseo กาญจนาภิเษก และที่ BigC บางนา โดยจะเปิดเพิ่มในครึ่งปีหลังอีก 4 สาขาเนื่องจากไม่สามารถหาพื้นที่ได้ทันกำหนดการ ซึ่งสาขาที่เหลือจะเลื่อนไปเปิดในปี 62 แทน
  • ความเห็น : คาดว่ารายได้และกำไรของบริษัทจะยังสามารถเติบโตได้ตามเป้าที่ผู้บริหารตั้งไว้ในภาวะที่เศรษฐกิจทยอยฟื้นตัว จากการปรับกลยุทธ์ในการเปิดสาขาของบริษัท โดย Bloomberg Consensus คาดการณ์กำไรสุทธิ 3Q61 ไว้ที่ 1,354 ลบ. +3%QoQ และ +14%YoY

หุ้นเริ่มซื้อขายวันนี้เป็นวันแรก
ตลาด MAI/อสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง

**บล.โกลเบล็ก เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ซึ่งจะได้รับค่าธรรมเนียมในฐานะผู้จัดจำหน่าย

  • TIGER(ราคา IPO 3.65 บาท)
  • บมจ. ไทย อิงเกอร์ โฮลดิ้ง(TIGER) ดำเนินธุรกิจผ่านบริษัทย่อย 3 บริษัท ดังนี้ 1) ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างงานวิศกรรมโยธาทุกประเภท (TEC) มีสัดส่วนรายได้ราว 99% ของรายได้รวม 2) ธุรกิจออกแบบ ผลิตพร้อมติดตั้งกระจกและอลูมิเนียม (TEA) มีสัดส่วนรายได้ 1% และ3)ธุรกิจออกแบบ ผลิตพร้อมติดตั้งระบบน้ำดีและน้ำเสียรวมทั้งจัดหาและจำหน่ายวัสดุอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับงานก่อสร้าง (TEM) ยังไม่สร้างรายได้เนื่องจากอยู่ในช่วงจัดตั้งธุรกิจ โดยบริษัทเล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจของ TEA และ TEM ในการต่อยอดงานด้านสถาปัตยกรรมและตกแต่งซึ่งใช้ความชำนาญเฉพาะส่งผลให้สร้างกำไรได้ดีกว่าธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในอนาคต
  • 1H61 มีรายได้ 353 ล้านบาท +35%YoY จากการรับงานก่อสร้างเพิ่มขึ้น ด้านอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวลงจาก 17.7% ใน 1H60 สู่ 16.4% ใน 1H61 เนื่องจากมีการรับงานที่ซับซ้อนน้อยลงทำให้อัตรากำไรปรับตัวลง อย่างไรก็ตามกำไรสูทธิ 1H61 อยู่ที่ 38 ล้านบาท +51%YoY
  • จำนวนหุ้นที่เสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 122.28 ล้านหุ้น มูลค่าประมาณ  32 ลบ. ใช้สำหรับเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประมูลงานในอนาคต
  • ราคา IPO คิดเป็น Current PER ที่ 22.99 เท่า น้อยกว่าหมวดอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างในตลาด SET ที่มีค่า PER เฉลี่ยเท่ากับ 49.51 เท่า

หุ้นมีข่าว   

·      + KKP  ผลประกอบการไตรมาส 4/61 รับทรัพย์จากงานไอบีทั้ง ไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ โอสถสภา และรพ.พระรามเก้า ดันกำไรทะยานมากกว่า 6.3 พันล้านบาท พุ่งเกือบ 10% ล่าสุด “เอ็นพีแอล” มาอยู่ที่ 4.2% ลดลงเป็นไตรมาสที่ 5 ติดต่อกัน Coverage ratio ขึ้นมาที่ 116% สินเชื่อ 9 เดือนแรก โต 4% ดีสุดในกลุ่มธนาคาร เผยหุ้นมีอัพไซด์ค่อนข้างมาก และเงินปันผลสูงเกือบ 7.20% (ที่มา ข่าวหุ้น)

·      SELIC ประกาศอัดฉีดงบ 1.05 พันล้านบาท ซื้อกิจการ PMC ในไทยและสิงคโปร์คาดดีลเสร็จ พร้อมโอนสินทรัพย์รับเงินไตรมาส 1/2562 ทันที ส่องทิศทางแนวโน้มยอดขายปี 2562 ทำสถิติใหม่แตะ 1.5 พันล้านบาท แถมสินทรัพย์เพิ่มขึ้นเท่าตัว (ที่มา ทันหุ้น)

·      ความเห็น ในระยะสั้นดีลดังกล่าวอาจไม่ส่งผลบวกอย่างที่คิด เนื่องจากเป็นการใช้เงินกู้ในการซื้อ โดยการกู้ยืมเงินดังกล่าวจะส่งผลให้ D/E จาก 0.33 เท่าเพิ่มขึ้นสู่ 2 เท่า ส่งผลให้อาจมีค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเข้ามากดดันผลประกอบการในช่วงต้น

·      ประเด็นลบหุ้นกลุ่มที่อยู่อาศัย : ต้นเดือนธปท. เตรียมประกาศหลักเกณฑ์คุมสินเชื่อที่อยู่อาศัยหลังสิ้นสุดช่วงเวลารับฟังความคิดเห็นเมื่อวันที่ 22 ต.ค. ที่ผ่านมา โดยเบื้องต้นจะบังคับดาวน์ขั้นต่ำร้อยละ20 สำหรับบ้านหลังที่ 2 หรือที่มีมูลค่า 10 ล้านบาทขึ้นไปเพื่อป้องกันการเก็งกำไร โดยจะใช้บังคับเฉพาะกรณีการผ่อนที่อยู่อาศัย 2 หลังขึ้นไปพร้อมๆ กัน และจะไม่มีผลย้อนหลังสำหรับผู้ที่กู้ก่อนเกณฑ์ใหม่มีผลบังคับใช้

·      + JMT ปิดดีลซื้อหนี้ด้อยคุณภาพ มูลค่าเกือบ 1 พันลบ. ดันพอร์ตหนี้รวมแตะ 1.4 แสนลบ. หวังดันผลงาน Q4/61 นิวไฮ

·      ประเด็นลบ ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาฯ คาดวงการเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยปีนี้จำนวน-มูลค่าสูง เตือนเกิดภาวะฟองสบู่

·      CPF ส่ง 2 บ.ย่อยเข้าซื้อหุ้นส่วนที่เหลือทั้งหมดใน CP Foods (UK) Ltd. และ The Foodfellas Ltd. มูลค่ารวม 962 ลบ.(ที่มา : IQ)

·      ADAM จะซื้อกิจการ "แอสเซท ไฟว์ โฮลดิ้ง"มูลค่า 752.84 ลบ. ชำระค่าตอบแทนเป็นหุ้นเพิ่มทุน(ที่มา : IQ)

·      FPI คาด H2/61 ดีกว่า H1/61 รับบาทอ่อน-เปลี่ยนนโยบายทำตลาดอินเดีย แม้รายได้ปีนี้พลาดเป้า,สรุปผลศึกษาทำชีวมวล 20 MW ใน Q4(ที่มา : IQ)

·      AKP คาดรายได้ปีนี้โตกว่าปีก่อนจากบริการกำจัดขยะอุตฯโตดี-ขยายลูกค้ากลุ่มรพ.,ศึกษาต่อยอดธุรกิจชัดเจน H1/62(ที่มา : IQ)

·      RATCH ได้ติดตั้งชุดกำเนิดไฟฟ้าเครื่องยนต์ดีเซลเพื่อกู้คืนระบบไฟฟ้า ที่โรงไฟฟ้า Kemerton (บริหารภายใต้บริษัทย่อยของ RATCH) จำนวน 4 ชุด กำลังการผลิตติดตั้งรวม 7 MW คาดจะดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในเดือน ธ.ค.61(ที่มา : SET)

·      + MATCH เผยผู้ผลิตภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่ต่างประเทศแห่เช่า The Studio Park Thailand ในการถ่ายทำภาพยนตร์ ฟาก "ภูมิชาย" มั่นใจขยายโอกาสต่อยอดธุรกิจ คาดอัตราการเช่าสตูดิโอ 5 แห่งเต็ม 100% ในเดือน ต.ค.นี้ หนุนรายได้ปี 2561 สดใส (ที่มา ข่าวหุ้น)