เพลิงไหม้โรงเรียนที่เมืองอุบลฯ คาดไฟฟ้าลัดวงจร

เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 21 ต.ค. ร.ต.อ.ชาติตระการ พิมพ์พรม พนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุบลราชธานี ได้รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้ในโรงเรียนประสิทธิ์ศึกษาสงเคราะห์ ตั้งอยู่บ้านไร่น้อย หมู่ 8 ต.ไร่น้อย อ.เมืองอุบลราชธานี จึงพร้อมหน่วยดับเพลิงขององค์การบริหารส่วนตำบลไร่น้อย องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี และเทศบาลนครอุบลราชธานี เข้าระงับเหตุ

เผยต้นเพลิงเป็นเรือนไม้รับรองชั้นเดียว แบ่งพื้นที่ใช้งานไว้ 3 ส่วน คือ ห้องแรกเป็นห้องพักครู ตรงกลางใช้เป็นห้องพักของนายประสิทธิ์ สุธรรมวิจิตร อายุ 95 ปี บิดาของเจ้าของโรงเรียน ซึ่งขณะเกิดเหตุนายประสิทธิ์ไม่อยู่ไปร่วมงานแต่งงานต่างอำเภอตั้งแต่เมื่อวาน และได้ปิดห้องไว้ ส่วนระเบียงด้านขวาใช้เป็นที่รับรองญาติของนักเรียนที่มาติดต่องานกับทางโรงเรียน

โดยจุดเกิดเหตุอยู่ที่ห้องพักของนายประสิทธิ์ เจ้าหน้าที่จึงระดมฉีดน้ำทำการดับไฟนานประมาณ 15 นาที เพลิงก็ได้สงบลง ทำความเสียหายให้กับห้องพักนายประสิทธิ์และห้องใกล้เคียงเสียหายทั้งหมด มูลค่าความเสียหายประมาณ 1 ล้านบาท

จากการสอบถามนางณัฐพัชร์ สุธรรมวิจิตร อายุ 56 ปี พี่สาวของผู้อำนวยการโรงเรียนและพักอยู่ชั้นสองของอาคารที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามเรือนไม้ที่เกิดเหตุ และเป็นผู้เห็นเพลิงลุกไหม้คนแรกเล่าว่า ระหว่างกำลังปรุงอาหารเช้ามองเห็นกลุ่มควันไฟสีขาวลอยมาจากหลังเรือนไม้ ตอนแรกนึกว่าบ้านที่ตั้งอยู่ข้างเรือนไม้เผาขยะแต่เช้า จึงไม่สนใจและเดินลงมาดูสวนหย่อมหน้าเรือนไม้ที่กำลังทำการปรับปรุง ก็เห็นควันไฟพวยพุ่งออกมาทางหลังคาเรือนไม้ จึงร้องเรียกให้ภารโรงและครูที่เข้าเวรมาช่วยกันหาทางดับไฟ

ขณะเกิดเหตุ นายประสิทธิ์ บิดาที่พักอยู่กับน้องสาวอีกคนไม่อยู่ จึงไม่มีกุญแจไขเข้าไปในห้องพัก จึงตัดสินใจให้ภารโรงพังกระจกหน้าต่างเข้าไปในห้อง แต่ขณะนั้นเพลิงได้ลุกไหม้ขึ้นแล้ว จึงโทรศัพท์แจ้งหน่วยดับเพลิงให้มาช่วยดับไฟ และไฟก็ได้ลุกลามไหม้เรือนไม้ที่เกิดเหตุเสียหายหมดทั้งหลัง แต่โชคดีที่ไม่ลุกลามไปติดอาคารเรียนที่อยู่ใกล้เคียง ซึ่งขณะเกิดเหตุเป็นช่วงปิดเทอม จึงไม่กระทบกับเด็กนักเรียนชั้นอนุบาลถึงมัธยมศึกษาตอนปลายกว่า 1,200 คน ที่เรียนอยู่กับทางโรงเรียน

สำหรับจุดเกิดเหตุเจ้าหน้าที่คาดว่ามาจากบริเวณแผงสวิตช์ ใช้ควบคุมไฟฟ้าในห้องนอนของนายประสิทธิ์ลัดวงจร จนเกิดการลุกไหม้ขึ้นบริเวณผนังห้อง ก่อนลุกลามไหม้ทำความเสียหายให้กับตัวอาคาร ซึ่งจะได้ให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดอุบลราชธานี เข้าเก็บหลักฐาน เพื่อหาสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ที่ชัดเจนอีกครั้งต่อไป