SVI - ซื้อเก็งกำไร

SVI - ซื้อเก็งกำไร

…and now it’s SVI turn

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเราจัดโรดโชว์ให้กับนักลงทุนในประเทศ ข้อความจากผู้บริหารหนุนความเชื่อมั่นของนักลงทุนในเป้าหมายยอดขายของบริษัท อย่างไรก็ตาม นักลงทุนมองหาโอกาสอัพไซต์จากยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้น กำไรในครึ่งหลังของปี 2561 ที่แข็งแกร่งซึ่งได้แรงหนุนจากภาวะการขาดแคลนชิ้นส่วนประกอบที่คลี่คลายขึ้นและคำสังซื้อใหม่จากลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่จะหนุนให้ราคาหุ้น SVI ปรับตัวขึ้นต่อไปได้ เรายังคงคำแนะนำ ซื้อเก็งกำไร

แนวโน้มยอดขายแข็งแกร่ง...

SVI ยังคงเชื่อมั่นว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายรายได้ที่ 480 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับปี 2561 และ 600-640 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับปี 2562 เนื่องจากคำสั่งซื้อล่วงหน้าที่แข็งแกร่ง บริษัทคาดว่ายอดขายจากลูกค้าใหม่ในปี 2562 จะอยู่ที่ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ประกอบด้วย 1) ลูกค้ากลุ่มยานยนต์ (ซัพพลายเออร์ชิ้นส่วนประกอบในอุตสาหกรรมยานยนต์ในยุโรประดับ tier-2), 2) กลุ่มสื่อสาร (ลูกค้าเทเลคอมไร้สายในสหรัฐ) และ 3) กลุ่มอุตสาหกรรม (ซัพพลายเออร์ชิ้นส่วนอุตสาหกรรมในยุโรป) นอกจากนี้ SVI เริ่มการผลิตผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เช่น ชิ้นส่วนสำหรับ e-bikes (คาดยอดขายจะอยู่ที่ 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2562 ) และกังหันลม ผู้บริหารเชื่อว่ายอดขาย e-bikes จะมีโอกาสในการเติบโตมาอยู่ที่ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐใน 2-3 ปีข้างหน้า เราคาดคำสั่งซื้อที่เติบโตจากลูกค้าเดิมจะเพิ่มขึ้น 4-13% YoY ในปี 2562 สำหรับการดำเนินงานในยุโรป ได้ขยายกำลังการผลิตขึ้น 50% ในครึ่งหลังปี 2561 ด้วยเป้าหมายยอดขายที่ 35 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2561 และ 58 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2562

...โอกาสในการปรับเพิ่มประมาณการ

เป้าหมายรายได้ปี 2562 สำหรับโรงงานใหม่ในประเทศกัมพูชาอยู่ที่ 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (กำลังการผลิตเต็มอัตราอยู่ที่ 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ใน 3-4 ปี) ลูกค้ารายใหญ่ 2 รายกำลังอยู่ในระหว่างกระบวนการ qualification ของโรงงานในประเทศกัมพูชา ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการผลิต mass production ในครึ่งแรกของปี 2562 (ค่าเสื่อมราคาและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานบันทึกแล้วในครึ่งแรกของปี 2561) หากลูกค้า 2 รายแรกประสบความสำเร็จ เราคาดว่าลูกค้ารายอื่นๆจะเข้ามาเพิ่มการผลิตของโรงงานในประเทศกัมพูชา (ได้รับผลประโยชน์จาก GSP) นอกจากนี้ยังมีอัพไซต์ต่อยอดขายการจากการเข้าซื้อกิจการ โดย SVI ตั้งเป้าที่จะสร้างหรือซื้อโรงงานในประเทศเม็กซิโกเพื่อจับกลุ่มลูกค้าในแถบอเมริกาเหนือ (ต้นทุนแรงงานที่ต่ำ อีกทั้งประเทศเม็กซิโกยังเป็นสมาชิกของ USMCA FTA) นักลงทุนบางรายมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว แต่สินค้าของ SVI ไม่ได้เป็น consumer electronics ดังนั้นเราคาดว่าความเสี่ยงจากประเด็นดังกล่าวมีจำกัด

โอกาสในการเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้น

จากการขาดแคลนวัตถุดิบ/ชิ้นส่วนประกอบ บริษัทสามารถส่งต่อต้นทุนวัตถุดิบให้แก่ลูกค้าได้ถึง 90% ตั้งแต่ไตรมาส2/61 และยังสามารถทาได้อย่างต่อเนื่องในไตรมาส3/61 แม้ว่าลูกค้าเดิมจะมีการขอปรับราคาสินค้าเก่าทุกๆปี ประมาณ 2-3% แต่สินค้าใหม่ของลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่จะมีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูง (มากกว่า 10%) โดยเฉพาะสินค้าที่มีความซับซ้อนมากขึ้นนอกจากนี้ปริมาณยอดขายที่เพิ่มขึ้นจะช่วยให้บริษัทบรรลุเป้าหมายในการประหยัดต่อขนาดซึ่งจะหนุนอัตรากำไรขั้นต้นให้ขยายตัวไปอีก