'ไทยศรีวิไลย์' หวั่นลางร้ายฝูงกาเกาะทำเนียบ

'ไทยศรีวิไลย์' หวั่นลางร้ายฝูงกาเกาะทำเนียบ

"ไทยศรีวิไลย์" หวั่นลางร้ายฝูงกาเกาะทำเนียบ บี้ตรวจสอบรายได้ส่วนแบ่งค่าปรับจราจร ตร. นำร่อง สน.มีนบุรี-สน.ปทุมวัน

นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ว่าที่ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์  กล่าวว่า ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้ใช้รถใช้ถนนจำนวนมากว่า อัตราโทษจับปรับตามพรบ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 พรบ.รถยนต์ พ.ศ.2522 นั้นมีการแบ่งรายได้ให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กทม 50%  ให้รัฐบาลส่วนกลาง 2.5%  ให้เจ้าเหน้าที่ตำรวจผู้จับกุม-ผู้สนับสนุนงานจราจร 47.5% ซึ่งเป็นรายได้มหาศาล กว่าปีละ 2-3 แสนล้านบาท/ปี รวมทั้งประเทศ ที่ทำให้ประชาชนผู้ใช้รถจำนวนกว่า 40 ล้านคน เดือดร้อน เพราะประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศไทย รายรับไม่พอรายจ่ายในการดูแลครอบครัวตนเอง เป็นบุคคลที่ได้รับบัตรคนจนกว่า 15 ล้านคน  เป็นคนหาเช้ากินค่ำ เป็นลูกจ้าง พนักงานบริษัท อีก 25 ล้านคน ซึ่งจะประครองชีวิตความเป็นอยู่ ณ ปัจจุบันได้ก็แย่มากอยู่แล้ว แล้วยังมีรายจ่ายค่าปรับจราจรกลายเป็นรายจ่ายประจำอีกส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันที่ต้องใช้รถใช้ถนน ซึ่งทราบว่ากฎหมายดังกล่าวก็ใช้มากว่า 39 ปี แม้จะมีการแก้ไขบ้าง

 

ตนจึงมีความจำเป็นต้องทราบข้อมูลรอบด้านเพื่อประกอบข้อคิดเห็นจากทุกฝ่ายเพื่อปรับปรุงกฏหมาย อัตราค่าปรับ ส่วนแบ่งรายได้ อื่นๆ ให้เหมาะสมกับสภาวะปัจจุบัน จึงได้อบถามไปยัง พลตำรวจเอก จักรทิพย์  ชัยจินดา  ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเพื่อขอข้อมูล อาทิ ยอดรายรับ-รายจ่าย ค่าปรับตามความผิดจราจรทุกประเภท  รายการแบ่งจ่ายรายได้ค่าปรับจราจรทุกประเภท รายรับที่ได้รับการจัดสรรจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ของ สถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน-สถานีตำรวจนครบาลมีนบุรี
                                                           .                    

นายมงคลกิตติ์ ทราบว่า เมื่อวานช่วงบ่ายได้มีฝูงอีกาหลายร้อยตัว บินมาเกาะอยู่ที่บริเวณต้นมะขาม เลียบคลองผดุงกรุงเกษม บริเวณด้านนอกทำเนียบรัฐบาล พร้อมกลับส่งเสียงร้องดังไปทั่ว โดยจากนั้นฝูงอีกาได้บินโฉบเข้าไปยังตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาลและวนมาเกาะที่ยอดตึกไทยคู่ฟ้า ก่อนจะบินออกมาเกาะที่ต้นมะขามเช่นเดิมนั้น ในทางความเชื่อของคนโบราณ ว่าอาจจะเกิดสิ่งไม่ดีกับ หัวหน้ารัฐบาล-คณะรัฐมนตรี อาจจะถูกปองร้ายหรือใส่ความจนรัฐบาลเสียหายจนยากจะแก้ไข หรือ อาจจะถูกปฏิวัติโดยทหารด้วยกันเองก็เป็นไปได้ทั้งนั้นในการเมืองไทย ก็ต้องระวังไว้ สถานะการณ์การเมืองไทย ณ ขณะนี้ไม่มีความแน่นอน ความขัดแย้งไม่ยอมกันมีสูง การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นหรือถูกทำแท้งก่อนก็เป็นได้ หรือเลือกตั้งผ่านไปแล้วไม่ได้รับการยอมรับ เกิดการประท้วง  ตั้งรัฐบาลได้แล้วแต่ทำงานไม่ได้ก็เป็นไปได้สูงทั้งนั้น ดูแล้วสถานะการณ์แบบนี้น่าเป็นห่วง