นายกฯ เผยพร้อมหนุนบทบาทสหรัฐฯ ในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก

นายกฯ เผยพร้อมหนุนบทบาทสหรัฐฯ ในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก

"ผบ.กกล.สหรัฐฯ ภาคพื้นอินโด-แปซิฟิก" เข้าพบนายกฯ กระชับความสัมพันธ์ครบ 185 ปี พร้อมหนุนงานข่าวกรองไทย รับมือความท้าทาย-ต้านก่อการร้าย ไทยพร้อมหนุนหนุนบทบาทสหรัฐฯ ในภูมิภาค

เมื่อวันที่ 17 ต.ค.61 เวลา 13.30 น. ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.ร.อ. ฟิลลิป เอส เดวิดสัน (Adm. Philip S. Davidson) ผู้บัญชาการกองกำลังสหรัฐอเมริกาภาคพื้นอินโด - แปซิฟิก เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญหารือว่า นายกรัฐมนตรียินดีที่ผู้บัญชาการกองกำลังสหรัฐอเมริกาภาคพื้นอินโด – แปซิฟิกเดินทางมาเยือนไทย ในฐานะแขกของกองทัพไทย หวังว่าการหารือกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารสูงสุดในประเด็นต่างๆ จะประสบความสำเร็จและได้ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม

พล.ท.วีรชน กล่วอีกว่า นายกฯ ยังได้ขอบคุณที่กองทัพสหรัฐฯ ได้ส่งเจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือทีมนักฟุตบอลเยาวชนหมูป่าอะคาเดมีที่จังหวัดเชียงราย ในขณะที่การบัญชาการกองกำลังสหรัฐอเมริกาภาคพื้นอินโด – แปซิฟิกนั้น ไทยและสหรัฐฯ เป็นพันธมิตรที่ยาวนาน ทั้งสองฝ่ายต่างมีส่วนสำคัญในการรักษาเสถียรภาพและความมั่นคงในเอเชีย และเชื่อมั่นว่าความร่วมมือระหว่างกองทัพไทย – สหรัฐฯ จะช่วยยกระดับความสัมพันธ์และความร่วมมือของสองประเทศให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยินดีที่ปีนี้ครบรอบ 185 ปี ความสัมพันธ์ไทย – สหรัฐฯ โดยทั้งสองประเทศมีความร่วมมือใกล้ชิดมากขึ้นในทุกมิติ นายกรัฐมนตรีและผู้บัญชาการกองกำลังสหรัฐอเมริกาภาคพื้นอินโด – แปซิฟิก เห็นพ้องที่จะรักษาและส่งเสริมความเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งและยั่งยืนสืบไป และนายกรัฐมนตรี ยังระบุด้วยว่า ไทยพร้อมสนับสนุนบทบาทที่สร้างสรรค์ของสหรัฐฯ ในอินโดแปซิฟิก เพื่อความมั่นคงร่วมกันของทั้งสองประเทศ

พล.ท.วีรชน กล่าวว่า สำหรับความร่วมมือด้านความมั่นคง ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะรักษาความสัมพันธ์ การแลกเปลี่ยนการเยือน และกลไกความร่วมมือต่าง ๆ อาทิ การศึกษา การฝึก การแลกเปลี่ยนข่าวกรอง ให้ใกล้ชิดเช่นนี้ต่อไป เพื่อประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองฝ่าย โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีชื่นชมสหรัฐฯ ที่รักษาความต่อเนื่องของการพัฒนาบุคลากรและการฝึกร่วม โดยเฉพาะ โครงการฝึกร่วมคอบบร้า โกลด์ ซึ่งเป็นการฝึกร่วมพหุภาคีที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ในภูมิภาคเอเชีย มีส่วนสำคัญในการส่งเสริมความมั่นคงในภูมิภาค การเตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติ รวมทั้งเป็นการเพิ่มขีดความสามารถและความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพของทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

รองโฆษกฯ กล่าวว่า ผู้บัญชาการกองกำลังสหรัฐอเมริกาภาคพื้นอินโด – แปซิฟิก ยินดีที่ไทยจะได้ดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนในปีหน้า และเป็นประธานร่วมกับสหรัฐฯ Esperts’ Working Group on Maritime Security ระหว่างปี 2563 – 2565 ภายใต้กรอบ ASEAN Defense Minister’s Meeting Plus (ADMM Plus) หวังว่าทั้งสองประเทศจะได้ขยายความร่วมมือด้านความมั่นคงทางทะเลกับประเทศในภูมิภาคแปซิฟิกอื่น ๆ มากยิ่งขึ้น

"ทั้งสองฝ่ายยังหารือถึงความร่วมมือในการต่อต้านการก่อการร้าย อาชญากรรมข้ามชาติ และความมั่นคงทางไซเบอร์ โดยต่างเห็นพ้องว่ากลุ่มก่อการร้ายข้ามชาติและลัทธิสุดโต่งเป็นภัยคุกคามที่สำคัญของโลก ความร่วมมือระหว่างมิตรประเทศเป็นสิ่งสำคัญ จึงควรเพิ่มพูนความร่วมมือด้านข่าวกรองและการต่อต้านการก่อการร้าย" รองโฆษกฯ กล่าว

ทั้งนี้ รองโฆษกฯ กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรี ได้ระบุด้วยว่า ที่ผ่านมา หน่วยข่าวกรองของทั้งสองฝ่ายมีความร่วมมือกันอย่างต่อเนื่อง จึงหวังว่าสหรัฐฯ จะสนับสนุนการพัฒนาขีดความสามารถและศักยภาพของหน่วยงานไทย โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อให้สามารถรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ ซึ่งผู้บัญชาการกองกำลังสหรัฐอเมริกาภาคพื้นอินโด – แปซิฟิก ยินดีอย่างยิ่งที่จะสนับสนุนไทยในด้านดังกล่าว โดยในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีได้ฝากความระลึกถึงนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และภริยา ที่ได้ต้อนรับอย่างอบอุ่นในระหว่างการเยือนสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีเมื่อปีที่ผ่านมา