ผลประกอบการไตรมาส 3/61 ที่ดี จะช่วยลดทอนความกังวลจากผลตอบแทนพันธบัตร

ผลประกอบการไตรมาส 3/61 ที่ดี จะช่วยลดทอนความกังวลจากผลตอบแทนพันธบัตร

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นหลังการรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/61 ออกมาดี ช่วยลดทอนความกังวลจากการเพิ่มขึ้นของผลตอบแทนพันธบัตร

โดยผลประกอบการของบจ.ใน S&P500 จำนวน 48 แห่ง มีกำไรดีกว่าตลาดคาดอยู่ 4.42% การที่ผลการดำเนินงานยังมีโมเมนตัมที่ดีจะช่วยให้ความน่าสนใจของการลงทุนในหุ้น (EYG) เพิ่มขึ้น เมื่ออิงความสัมพันธ์ (EYG = Earning yield – Bond yield) ดังนั้นเรามองตลาดระยะสั้นมีโอกาสฟื้นตัว

สำหรับตลาดหุ้นไทย เรามองนักลงทุนจะกลับมาโฟกัสผลการดำเนินงานไตรมาส 3/61 กลุ่มธนาคารที่จะประกาศสัปดาห์นี้ซึ่งคาดช่วยหนุนแรงซื้อเก็งงบระยะสั้น และคาดฟื้นตัวตามภูมิภาคตามบรรยากาศการลงทุนที่กลับมาเป็นบวก โดยเราเชื่อว่า SET Index มีโอกาสกลับขึ้นทดสอบที่ 1710-1720 จุดในสัปดาห์นี้ แนะ follow buy หุ้นกลุ่มธนาคารที่มีแนวโน้มรายงานกำไรออกมาโดดเด่นกว่ากลุ่ม อาทิ BBL, KTB รวมถึงหุ้นกลุ่มภายในประเทศที่คาดฟื้นตัวกลับ อาทิ BJC, ROBINS, CPALL, SCB, AMATA, WHA, ADVANC

OSP (Not rated) จะมีขนาด Market cap ใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ในหมวดอาหารและเครื่องดื่ม หากเปรียบเทียบในเชิงของ PER อิง Concensus จะอยู่ที่ 29-30 เท่า หรือแพงลำดับที่ 11 ของกลุ่ม แต่ถูกกว่า CBG และ ICHI ที่ซื้อขาย PER 48 และ 34 เท่า ดังนั้นทางกลยุทธ์เรามองมี Trading opportunity จากการ switching หุ้นเครื่องดื่มที่แพงกว่ามายัง OSP ซึ่งมี upside จาก valuation gap ที่ราว 10-50% ทั้งนี้เราไม่ได้มีการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของ OSP

Investment Theme หุ้นใหญ่และกลุ่มหุ้นเลือกตั้ง BBL, SCB, STEC, CPALL, AMATA/ หุ้นเล็กที่น่าสนใจ GUNKUL*, PSTC*, DTC*, EASTW*, AEONTS* / หุ้นกระแสเงินสดมั่นคง-ปันผล CPNREIT, CPN, PSH, AP, SPF*, EA, BCPG

ภาพรวมกลยุทธ์: ซื้อขายที่แนวรับและเลือกเก็งกำไรเมื่ออ่อนตัว ถือหุ้นที่มี หรือทยอยสะสมหุ้นใหญ่ รวมทั้งสามารถเลือกเก็งกำไรหุ้นขนาดกลาง-เล็ก  // หุ้นแนะนำวันนี้ BBL, AMATA / เก็งกำไร KTC (เป้า 40 ตัดขาดทุน 32), KSL* (เป้า 4.00 ตัดขาดทุน 3.60)

แนวรับ 1680 / แนวต้าน : 1720 จุด สัดส่วน : เงินสด 30% : พอร์ตหุ้น 70%

 

ประเด็นการลงทุน

สหรัฐฯขาดดุลสูงสุดในรอบ 6 ปี - กระทรวงการคลังสหรัฐฯเผยยอดขาดดุลงบประมาณปี 61 (สิ้นสุด 30 ก.ย.) ปรับเพิ่มขึ้น 17% สู่ระดับ 7.99 แสนล้านเหรียญฯ สูงสุดในรอบ 6 ปี ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการปรับลดภาษีและการเพิ่มงบประมาณในภาคกลาโหมของปธน.ทรัมป์

กลุ่มการแพทย์ - ผลกำไรกลุ่มโรงพยาบาล เติบโต 9% หลักๆมาจาก BCH ซึ่งมีอัตราการเติบโตสูงสุดที่ 14% yoy ในช่วง 3Q18 ตามมาด้วย BDMS ที่เติบโต 10% และ BH ที่จะเติบโต 8% ดังนั้นกำไรรวมของกลุ่มคาดจะสามารถเติบโต 9% yoy

ส่งออก - ส.อ.ท.เปิดเผยว่า แนวโน้มการส่งออกของไทยปีนี้น่าจะเติบโตได้  9-10% แต่สิ่งต้องติดตามใกล้ชิดคือ มาตรการตอบโต้ทางการค้าของสหรัฐระลอก 2 ที่มีมูลค่า 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ครอบคลุมสินค้าจำนวนมาก และอาจทำให้ปี 2562 ขยายตัวได้เพียง 4-5%

ทิ้งตราสารหนี้โยกเงินซบกองทุนหุ้น - มอร์นิ่งสตาร์ เผย 9 เดือน นักลงทุนแห่ถอนกองทุนตราสารหนี้ 1.8 แสนล้าน หนีดอกเบี้ยขาขึ้น ซบกองหุ้นขนาดใหญ่ 7.2 หมื่นล้าน

ดีแทคลุย 900 เคาะ 28 ต.ค.นี้ - ดีแทคเข้ายื่นเอกสารร่วมประมูลคลื่น 900 เตรียมเคาะราคาวันที่ 28 ต.ค.นี้ คาดได้เงินเข้ารัฐ 4 หมื่นล้านบาท

 

ประเด็นติดตาม: 17 ต.ค. – โอสภสภา (OSP) เริ่มซื้อขาย/ 18 ต.ค. – FOMC meeting minutes / 18 ต.ค. – BGC เริ่มซื้อขาย / 19 ต.ค. – SONIC เริ่มซื้อขาย

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)