สวทน.ปักธง'โปรตีนแมลง'สู่เวทีโลก

สวทน.ปักธง'โปรตีนแมลง'สู่เวทีโลก

สวทน.ชูไทยผู้นำอุตสาหกรรมแมลงในตลาดโลกใช้ทุนสเปียร์เฮดอุดหนุนเอกชนร่วมมหาวิทยาลัยผลักดันนวัตกรรมจากแมลงทหารเสือและจิ้งหรีดสู่ผลิตภัณฑ์อาหาร อาหารสัตว์และความงามสร้างรายได้ 20,000 ล้านบาท

สวทน.หนุนไทยแชร์มูลค่าอุตสาหกรรมแมลงในตลาดโลก อาศัยกลไกทุนสเปียร์เฮดอุดหนุนเอกชนร่วมกับมหาวิทยาลัยผลักดันนวัตกรรมจากแมลงทหารเสือและจิ้งหรีดเข้าสู่ผลิตภัณฑ์อาหาร อาหารสัตว์และความงาม หวังสร้างรายได้ 20,000 ล้านบาท สร้างผลิตภัณฑ์เพื่อการส่งออกมากกว่า 2,000 ล้านบาทต่อปี และเกิดการจ้างงานจำนวนมาก

แนวโน้มโปรตีนแมลงกำลังเป็นที่นิยมสังเกตได้จากการเติบโตของ AgriProtein ในแอฟริกาใต้ซึ่งเป็นฟาร์มแมลงที่ใหญ่ที่สุดในโลกทำการผลิตโปรตีนจากแมลงออกมาจำหน่ายมากกว่า 30 ตันต่อวัน รวมถึงกิจการฟาร์มแมลงในหลายประเทศทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น คาดการณ์ว่าตลาดการบริโภคแมลงจะเติบโตถึง 1.18 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2566 ซึ่งมากกว่าปัจจุบัน 3 เท่า ถือเป็นช่วงขาขึ้นของตลาดและมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง สวทน. จึงสนับสนุนภาคเอกชนให้ร่วมกับมหาวิทยาลัยผลิตโปรตีนแมลงสู่เชิงพาณิชย์

เอกชนร่วมลงทุนวิจัย20%

นายกิติพงค์ พร้อมวงค์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (สวทน.) เปิดเผยว่า สวทน.สนับสนุน 2 โครงการวิจัยด้านแมลงที่พร้อมใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ ภายใต้แผนงานสเปียร์เฮด (โครงการบูรณาการยุทธศาสตร์เป้าหมาย) กำหนดระยะเวลา 3 ปี

ได้แก่ ระบบเพาะเลี้ยงแมลงทหารเสือ (แมลงวันลาย) เพื่อสกัดสารสำคัญใช้ในเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีโอเมก้าและกรดลอริกคุณภาพสูง โดยมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมกับบริษัท ไบโอไดเวอร์ซิตี้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด และนวัตกรรมการผลิตส่วนผสมจากแมลงสำหรับอุตสาหกรรมอาหารและอาหารสัตว์แบบครบวงจรด้วยระบบฟาร์มเลี้ยงสมัยใหม่และกระบวนการผลิตแบบซีโร่เวสท์ ที่มหาวิทยาลัยนเรศวร ร่วมกับบริษัทไทย เอนโท ฟู้ด จำกัด หากประสบความสำเร็จตามเป้าหมายโดยสามารถส่งออกผลิตภัณฑ์ในตลาดโลกก็จะเป็นต้นแบบให้กับเอกชนและเกษตรกรไทย

ไทยเป็นผู้นำด้านการผลิตแมลงวัตถุดิบในตลาดโลกได้ไม่ยาก แต่ในแง่ของการแปรรูปยังต้องมีการพัฒนาอีกมาก โดยเฉพาะการสกัด การบด การแยกสารอาหารต่างๆ ยังทำได้แบบพื้นฐานไม่สามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการในยุโรปที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง

หรือแม้แต่ตัวผลิตภัณฑ์ ซึ่งไทยจำหน่ายในรูปของผงจิ้งหรีด แต่ในต่างประเทศพัฒนาเป็นอาหารฟังก์ชั่นสำหรับผู้ที่ต้องการโปรตีนสูง เช่น กลุ่มนักกีฬา จึงต้องการงานวิจัยเข้ามาสนับสนุนเพื่อแข่งขันกับต่างประเทศได้ในอนาคต

“ผู้ประกอบการจากเดนมาร์กและอิตาลีสนใจเข้ามาให้ผู้ประกอบการไทยซัพพลายผงจิ้งหรีดและอีกส่วนทำเป็นผลิตภัณฑ์ร่วมกัน คาดว่าจะทำให้เกิดมูลค่าเพิ่มกว่า 10 เท่า ส่วนโปรเจคแมลงทหารเสือสกัดน้ำมันเพื่อใช้เป็นส่วนผสมในเวชสำอางและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเกี่ยวกับความจำ ทำให้เกิดการขยายตัวของอุตสาหกรรมแมลงเพื่ออาหารในประเทศ และเพิ่มโอกาสส่งออกทดแทนปลาป่นที่มีราคาสูงในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ เกิดการจ้างงานจากอุตสาหกรรมแมลงขึ้นเป็นจำนวนมาก”

ฟาร์มจีเอ็มพี-ซีโร่เวสท์

นายธีรณัฐ รุ่งสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย เอนโท ฟู้ด จำกัด ประกอบกิจการเลี้ยงไหมผีเสื้อและแมลง จ.พิษณุโลก กล่าวว่า บริษัทได้ลงทุนแปรรูปผลิตภัณฑ์โปรตีนจากแมลง โดยเน้นจิ้งหรีดเป็นวัตถุดิบหลักเพราะมีโปรตีนสูงและเพาะเลี้ยงง่าย โดยร่วมกับมหาวิทยาลัยนเรศวร พัฒนาการทำฟาร์มจิ้งหรีดที่ได้มาตรฐานสากล รวมทั้งโรงงานต้นแบบเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และกระบวนการผลิตส่วนผสมจากแมลงสำหรับอุตสาหกรรมอาหารสัตว์และอาหารสัตว์น้ำในอนาคต

โครงการวิจัยมีระยะเวลา 3 ปี ในปีแรกได้รับจัดสรรงบ 50 ล้านบาทจากโครงการสเปียร์เฮด จะช่วยให้บริษัทสามารถขยายธุรกิจได้ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ จากปัจจุบันที่ส่งออกผงจิ้งหรีดผ่านตัวแทนจำหน่ายไปในสหรัฐอเมริกา ยุโรป พร้อมกับป้อนโรงงานผลิตขนม เส้นสปาเก็ตตี้ผสมโปรตีนจากแมลงในประเทศ อนาคตจะขยายไปสู่ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของตนเองมากขึ้น พร้อมกับขยายกำลังผลิตในลักษณะคอนแทรคฟาร์มมิ่งกับเกษตรกรเครือข่าย

“ไทยเป็นแหล่งผลิตโปรตีนจากแมลงที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะจิ้งหรีดผลิตได้ปีละ 7,000 ตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท หากผลิตเป็นผงมูลค่าเพิ่ม 2,000-3,000 บาทต่อกิโลกรัมจากเดิมราคา 70-80 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่ในต่างประเทศมีการใช้เทคโนโลยีช่วยพัฒนาโปรตีนจากแมลงให้บริโภคได้สะดวกรวดเร็วขึ้น เช่น ในรูปแบบผงหรือสารสกัดที่ใช้เป็นส่วนผสมในอาหารรวมทั้งขนมขบเคี้ยวต่างๆ” นายธีรณัฐ กล่าว