‘บาท’ เปิดตลาดเช้านี้ ‘แข็งค่า’ ที่ 32.65 บาทต่อดอลลาร์

‘บาท’ เปิดตลาดเช้านี้ ‘แข็งค่า’ ที่ 32.65 บาทต่อดอลลาร์

ระวังความเคลื่อนไหวตลาดหุ้น กลุ่มเทคโนโลยีสหรัฐได้รับความผันผวนในตลาดสูงขึ้นขณะที่แนวโน้มตลาดเกิดใหม่กลับมาเปิดรับความเสี่ยง

นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ที่ระดับ 32.65บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากช่วงปิดตลาดสิ้นสัปดาห์ก่อนที่ระดับ 32.75 บาทต่อดอลลาร์ 

สำหรับสัปดาห์นี้ สิ่งที่นักลงทุนยังต้องระมัดระวังคือความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเทคโนโลยีในสหรัฐฯ ซึ่งได้รับผลกระทบจากความผันผวนในตลาดที่สูงขึ้น และโอกาสที่จะมีการกีดกันทางการค้าเพิ่มเติมระหว่างจีนกับสหรัฐ  ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลให้เงินดอลลาร์จะอ่อนค่าเพราะความน่าสนใจของการลงทุนในสหรัฐลดลง

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐและจีดีพีจีนที่จะมีการรายงานในท้ายสัปดาห์นี้จะคลายความกังวลให้ตลาดได้บ้าง เนื่องจากเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงชี้ว่าเฟดไม่ต้องรีบขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่เศรษฐกิจจีนก็ไม่ได้รับผลกระทบมากจากการกีดกันการค้า

ส่วนของค่าเงินบาท แม้ในช่วงสัปดาห์ก่อนจะแข็งแกร่งกว่าสกุลเงินในกลุ่มของประเทศเพื่อนบ้าน แต่ในช่วงหยุดยาวเงินดอลลาร์ได้ปรับตัวลงส่งผลให้สกุลเงินเอเชียอื่นๆ ปรับตัวแข็งค่าใกล้เคียงกันแล้ว ในวันนี้ เชื่อว่าแนวโน้มการเคลื่อนไหวของดอลลาร์ ตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) ที่เปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น ราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มอ่อนค่าลง และราคาทองที่ปรับตัวสูงขึ้น จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เงินบาทและสกุลเงินเอเชียแข็งค่าได้ต่อ 

มองกรอบเงินบาทระหว่างวัน 32.60-32.70บาทต่อดอลลาร์และกรอบเงินบาทในสัปดาห์ 32.45 - 32.95บาทต่อดอลลาร์

ส่วนในสัปดาห์นี้แนะนำติดตามการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นทั่วโลกและตัวเลขเศรษฐกิจฝั่งสหรัฐเป็นหลัก วันพุธ รายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ครั้งล่าสุดที่มีการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น 0.25% ส่งสัญญาณว่า เฟดยังคงมีความมั่นใจในเศรษฐกิจสหรัฐ และพร้อมที่จะ “ขึ้นดอกเบี้ย” ต่อเนื่อง แม้ตลาดเริ่มมีความกังวลว่าภาวะดอกเบี้ยสูง จะส่งผลให้หุ้นทั่วโลกปรับฐาน

วันพฤหัส คาดว่าธนาคารกลางเกาหลีใต้จะ “ขึ้นดอกเบี้ย” 0.25% ไปที่ระดับ 1.75% เพื่อปรับสมดุลเศรษฐกิจ หลังจากที่รายได้และเงินเฟ้อในเกาหลี เข้าสู่เป้าหมายของธนาคารกลาง

วันพฤหัส ตัวเลขเงินเฟ้อในสหรัฐ (US CPI) เดือนกันยายน คาดว่าจะเพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 2.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานจะลดลงเล็กน้อยไปที่ระดับ 1.95% จาราคาสินค้าหมวดที่อยู่อาศัยที่ชะลอตัวลง

วันศุกร์ การรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของจีน คาดว่าจีดีพีไตรมาที่สามจะขยายตัว 6.6% ลดลงเล็กน้อยจากการรายงานครั้งก่อนที่ 6.7% เป็นผลมาจากการเติบโตที่ชะลอตัวลงของภาคอุตสาหกรรม (Industrial Production) แม้ยอดการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร (Fixed Asset Investment) ที่ขยายตัวได้ 5.2% จะหนุนเศรษฐกิจ แต่โดยรวม เศรษฐกิจจีนยังคงชะลอตัวลงจากผลของการปฏิรูป