ประชุมพรรคเพื่อชาติ แก้ข้อบังคับ-เปลี่ยนโลโก้ 

ประชุมพรรคเพื่อชาติ แก้ข้อบังคับ-เปลี่ยนโลโก้ 

ประชุมพรรคเพื่อชาติ แก้ข้อบังคับ-เปลี่ยนโลโก้ คน พท. ตบเท้าสังเกตการณ์เพียบ “จตุพร” ยันพร้อมจับเข่าคุย ปชป.-กปปส. หาทางออกบ้านเมือง

ที่ห้องคอนเวนชั่นฮอลล์ ห้างอิมพีเรียลสำโรง ผู้สื่อข่างรายงานว่าพรรคเพื่อชาติได้จัดประชุมใหญ่สามัญครั้งที่ 2 / 2561 เพื่อปรับปรุงเปลี่ยนแปลง และแก้ไขข้อบังคับพรรค รวมถึงสัญชักษณ์ของพรรคด้วย โดยมีนายเถลิงยศ บุตุคำ หัวหน้าพรรคำ ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม พร้อมกับสมาชิกกว่า 500 คน นอกจากนี้ที่บริเวณภายนอกห้องประชุม บรรดาแกนนำผู้ร่วมสนับสนุนพรรคอาทิ นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานรัฐสภา, นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตประธาน นปช., นายอารี ไกรนรา อดีตหัวหน้าการ์ด นปช. ได้เดินทางมาร่วมสังเกตการณ์ เช่นเดียวกับสมาชิกพรรคเพื่อไทยที่ร่วมเดินทางมาให้กำลังใจ เช่น นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะเจ้าของห้างอิมพีเรียลสำโรง, นาววรชัย เหมะ อดีต ส.ส. พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง เป็นต้น โดยเป็นที่น่าสังเกตว่า หนึ่งในสมาชิกที่เข้าร่วมประชุมมี บุตรชายนายสงคราม เข้าร่วมประชุมด้วย

โดยนายยงยุทธกล่าวว่า วันนี้ตนมาในฐานะกองเชียร์ ให้กำลังใจ ก็ขอยืนยันว่าวันนี้พรรคนี้เป็นพรรคเกาะกลาง เพราะหากถ้าไปยืนซีกซ้ายหรือขวา คนอาจจะยังไม่เชื่อ โดยสิ่งที่เป็นเป้าหมายขอเราคือ เราจะยื่นมือไป ส่วนใครจะจับมือกับเราหรือไม่ก็แล้วแต่เขา ทั้งนี้การเป็นนักการเมืองถ้าไม่กล้าหาญ กล้าตัดสินใจ ถ้าให้คนอื่นมาบีบบังคับให้ดีกันมันน่าอาย เราติดกับดักความขัดแย้งมานาน ส่วนข้อวิจารณ์เรื่องพรรคนี้เป็นพรรคนอมินีของ พรรคเพื่อไทย หรือของพรรคอื่นๆนั้น ให้การเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ เมื่อถามถึงกระแสวิจารณ์ว่าพรรคเพื่อไทย พรรคเพื่อธรรม และพรรคเพื่อชาติ มีความเชื่อมโยงกันแยกออกไม่ได้นั้น

นายยงยุทธกล่าวว่า เหตุการณ์เคลื่อนไหวจะเป็นตัวพิสูจน์ อย่างเช่นรักแท้ หรือศรัทธาแท้ ที่พิสูจน์วันนี้ไม่ได้ แต่ต้องใช้เวลา เรายังไม่ต้องเร่งเอาคำตอบทุกระยะที่ก้าวเดิน จะเป็นตัวพิสูตน์เอง ส่วนข้อวิจารณ์ว่าพรรคเพื่อชาติจะไปแย่งคะแนนเสียงพรรคเพื่อไทย นั่นเป็นแนวคิดแบบการเมืองเก่า แต่ความคิด การเมืองใหม่เราต้องมีพื้นที่ตรงกลางให้มายืนร่วมกัน วันนี้โลกไปถึงไหนแล้ว แทนที่เราจะคิดว่าเราแข่งขันกับต่างประเทศได้อย่างไร ก็ยังคงติดอยู่กับเรื่องแบบนี้

ด้านนายจตุพรกล่าวว่า วันนี้ตนเดินทางมาในฐานะกองเชียร์ มาให้กำลังใจพรรคฯ และจะร่วมทำในส่วนที่กฎหมายจะอำนวย ตนเห็นว่าพรรคเพื่อชาติพร้อมเปิดกว้างกับทุกฝ่าย ภายใต้กรอบกติกาประชาธิปไตย เพื่อมาร่วมหารือทางออกให้บ้านเมืองอย่างที่ตนเคยพูดไป ถ้าเราไม่คุยกัน ไม่ว่าใครจะเป็นผู้แพ้หรือชนะก็จะเกิดปัญหาตามมา ซึ่งไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เราขอยื่นไมตรีให้กับทุกฝ่าย พร้อมพูดคุยกับทุกฝ่าย ความขัดแย้งในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา เป็นความเจ็บปวดขมชื่น ซึ่งเราต้องยอมรับความจริง ถ้าเราไม่เริ่มต้นที่ตัวเองประเทศชาติจะเดินหน้าต่อไปไม่ได้ ต้องทำให้ประเทศไทยกลับมานับหนึ่งกันใหม่ เรื่องราวต่างๆที่เกินขึ้นอดีต ถ้าเป็นเรื่องข้อกฎหมายก็ว่าตามกระบวนการ เปลี่ยนแปลงไม่ได้ การมาพูดคุยไม่ใช่จะมาเปลี่ยนแปลงความคิดกัน ใครเชื่ออย่างไร ก็เชื่อต่อไป เพียงแต่ให้ความแตกต่างทางความคิดสามารถพูดคุยกันได้ ตนยืนยันว่าพคนี้ไม่ใช่ของ นปช. เพราะว่าตั้งมาตั้งแต่ปี 2556 แล้ว และไม่ได้ตั้งขึ้นมาเพื่อตัดคะแนนเสียงพรรคเพื่อไทย 

เมื่อถามว่าพร้อมที่จะพูดคุยกับพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคแนวร่วมของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำ กปปส. ใช่หรือไม่ นายจตุพรกล่าว่า อย่างที่ตนเคยเสนอไปว่า ถ้านักการเมืองและพรรคการเมืองไม่มาพูดคุยกัน หนทางข้างหน้าคือวิกฤต และลำพังเพียง 2 พรรคก็ไม่ได้ ต้องมีผู้มีอำนาจร่วมพูดคุยด้วย เพื่อตกลงเป็นสัญญาประชาคม หลายฝ่ายต้องการให้เปิดช่องว่างในความขัดแย้ง แต่ท้ายที่สุดผู้เสียหายคือประชาชน ตนยอมรับความแตกต่าง แต่ต้องสามารถพูดคุยกันได้ระหว่างผู้ที่เห็นต่างกันได้ ตนขอเรียกร้องว่าทุกพรรคต้องพูดคุยกัน รวมถึงผู้มีอำนาจด้วย ปัญหาของชาติก็เพราะว่าเราไม่คุยกัน ตนไม่ต้องการปิดประตูใส่ใคร ว่าใครเดินมาอย่างไร ประวัติเป็นมาอย่างไรไม่สำคัญ เพื่อเห็นประเทศชาติเดินไปข้างหน้า ตนก็พร้อมที่จะพูดคุย 

นายจตุพรกล่าวต่อไปว่า บรรยากาศแบบเดิมๆไม่ควรจะเกิดขึ้นอีก คนไทยเดือดร้อนมาก เราต้องการความสงบภายในชาติ และพรรคนี้ก็คิดเพื่อชาติ เพราะถ้าคิดเพื่อตัวเองก็คงคิดว่าจะได้กี่คะแนนเสียงในการเลือกตั้ง ทั้งนี้ต้องกล้าคิดต่าง กล้าที่จะพูดคุยกับทุกฝ่าย เพื่อให้ผู้ชนะปกครองบ้านเมืองได้ ในขณะที่คนแพ้ก็ยังมีที่ยืน บ้านเมืองจะได้ไม่เป็นเหมือนอดีตที่ผ่านมา

เมื่อถามถึงกรณีที่หลายๆคนมองว่า นายจตุพรแม้จะลงเล่นการเมืองไม่ได้ แต่ยังมีส่วนมีเกี่ยวข้องกับพรรคอยู่ นายจตุพรกล่าวว่า ตนถูกห้ามไม่ให้ลงรับสมัครเลือกตั้ง เปรียบเหมือนทีมฟุตบอล ตนกับนายยงยุทธเป็นกองเชียร์ที่นั่งบนอัฒจรรย์ แล้วส่งเสียงเชียร์เพราะเห็นว่าทีมนี้มีความตั้งใจดี 

เมื่อถามอีกว่าพร้อมจะร่วมมือกับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ นายจตุพรกล่าวว่า ยังไกลเกินไปที่จะกล่าวถึง แต่ประชาชนจะเป็นผู้กำหนด และเราก็เคารพการตัดสินใจของประชาชน การตอบแบบนักการเมืองแม้จะไม่ยาก แต่ขอให้ประชาชนตอบในสนามเลือกตั้งก่อน 

ในส่วนกระแสข่าวที่นายทนง พิทยะ อดีตรมว.คลัง เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อชาตินั้น นายจตุพรวันนี้ประชาชนหิวโดยเรื่องปากท้อง และยังติดอยู่กับความขัดแย้งที่ทำให้เดินไปไหนไม่ได้ ไม่ว่าครจะมารับตำแหน่งเราก็พร้อมสนับสนุน แต่ตอนนี้ยังไ่มีารเลือกหัวหน้าพรรค ต้องรอให้มีการประชุมใหญ่แล้วรอให้สมาชิกพรรคเป็นคนเลือก