บอนด์ยีลด์พุ่งฉุดดาวโจนส์ปิดแดนลบ

บอนด์ยีลด์พุ่งฉุดดาวโจนส์ปิดแดนลบ

ดาวโจนส์ปิดแดนลบวันอังคาร หลังถูกกดดันจากผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่แตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี ขณะที่นักลงทุนจับตาผลประกอบการไตรมาส 3

ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นของสหรัฐปิดตลาดเมื่อวันคาร (9 ต.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ลดลง 56.21 จุด มาอยู่ที่ 26,439.57 จุด ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี500 ปิดลดลง 0.14% มาอยู่ที่ 2,880,34 จุด ส่วนแนสแด็กปิดบวกเล็กน้อย 0.03% มาอยู่ที่ 7,738.02 จุด

การปิดในแดนลบของดัชนีดาวโจนส์ได้แรงกดดันจากผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งทะลุ 3.25% ในช่วงแรก ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2554 ก่อนอ่อนตัวสู่ระดับ 3.216% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ปรับตัวลงสู่ระดับ 3.388%

ด้านนักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าบริษัทจะมีกำไรเพิ่มขึ้นราว 19% ในไตรมาส 3 หลังจากพุ่งขึ้น 25% ในไตรมาส 1 และ 2 ของปีนี้

ทั้งนี้ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีถือเป็นพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยจำนองของสหรัฐ ซึ่งหากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวขึ้น จะทำให้ผู้บริโภคมีเงินสำหรับการใช้จ่ายลดน้อยลง ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการจ่ายเงินกู้จำนองเพิ่มมากขึ้น และบริษัทต่าง ๆ จะเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ จึงทำให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐทะยานขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว หลังการเปิดเผยอัตราการว่างงานในสหรัฐต่ำสุดในรอบ 49 ปี ขณะที่มีการขยายตัวของค่าจ้างแรงงาน ซึ่งทำให้มีการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังคงเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

เมื่อเดือนที่แล้ว เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 2.00-2.25% พร้อมกับส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในเดือนธ.ค. และปรับขึ้น 3 ครั้งในปีหน้า และอีก 1 ครั้งในปี 2563