เยียวยานทท.โดนลูกหลงถล่มอาก้ากลางกรุง 2 ล้าน

เยียวยานทท.โดนลูกหลงถล่มอาก้ากลางกรุง 2 ล้าน

เยียวยานักท่องเที่ยวอินเดียโดนลูกหลงโจ๋ถล่มอาก้ากลางกรุง 2 ล้าน ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บมอบค่ารักษาพยาบาล 1 ล้าน

จากกรณีที่กลุ่มวัยรุ่น ก่อเหตุทะเลาะวิวาทโดยใช้อาวุธปืนอาก้า กราดยิงใส่คู่อริบริเวณลานจอดรถ ห้างสรรพสินค้า เซ็นธาราวอเตอร์เกท พาวิลเลี่ยน แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี จนมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ถูกลูกหลงได้รับบาดเจ็บ 4 ราย โดยมีผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นชาวอินเดีย เมื่อคืนวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา

ล่าสุด เมื่อเวลา 13.30น. วันที่ 9 ตุลาคม 2561 ที่โรงพยาบาลราชวิถี พล.ต.ต.ธีรพล คุปตานนท์ รรท.ผบช.ทท. ,พล.ต.ต.เสนิต สำราญสำรวจกิจ ผบก.น.1 ตัวแทนปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มอบเงินเยียวยาให้กับญาติผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุวัยรุ่นไล่ยิงกันดังกล่าว รวมทั้งสิ้นไม่ต่ำกว่า 3 ล้านบาท โดยมีนายบัสแซน เกรชา (Mr.Basant Gakhreja) อายุ 45 ปี พี่ชายของ นายดีรัช เกรชา (Mr. Dheeraj Gakhreja) อายุ 41 ปี นักท่องเที่ยวผู้เสียชีวิตชาวอินเดีย เป็นตัวแทนรับมอบ โดยมีผู้ช่วยสถานทูตอินเดียประจำประเทศไทยเข้าร่วม

พล.ต.ต.ธีรพล กล่าวว่า จากเหตุดังกล่าวไม่มีฝ่ายใดที่อยากให้เกิดขึ้น โดยตนพยายามพูดคุยให้ทุกฝ่ายรับทราบว่า เรามีมาตรการในการเยียวยา ซึ่งตนก็ได้พูดคุยกับญาติจนเข้าใจและพอใจกับผลการเยียวยา เบื้องต้นบริษัทประกันยินยอมที่จะชดเชยเงินให้กับผู้เสียชีวิตเป็นเงินจำนวน 1 ล้านบาท คาดว่าจะได้ไม่เกิน 1 สัปดาห์ และอีกส่วนที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะชดเชยให้ภายในเย็นวันนี้ ก็จะโอนเข้าบัญชีของภรรยาผู้เสียชีวิต จำนวน 1 ล้านบาท รวมแล้ว 2 ล้านบาท ส่วนนักท่องเที่ยวที่ได้รับบาดเจ็บนั้น ก็จะมอบค่ารักษาพยาบาลจากกองทุนเยียวยานักท่องเที่ยวในวงเงินไม่เกิน 5 แสนบาท พร้อมวงเงินค่ารักษาพยาบาลของบริษัทประกันภัยไม่เกิน 5 แสนบาท รวมแล้ว 1 ล้านบาท อย่างไรก็ตามสำหรับอาการบาดเจ็บของนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกสองรายนั้น ขณะนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว

น.ส.วรรณิภา บุญยอ อายุ 42 ปีมัคคุเทศก์นำเที่ยว กล่าวว่า กลุ่มทัวร์ดังกล่าวเป็นกลุ่มบริษัทประกันภัยแห่งหนึ่งในประเทศอินเดีย ซึ่งได้เดินทางมาท่องเที่ยวที่เมืองไทย ตั้งแต่วันที่ 4 – 7 ต.ค. ที่ผ่านมา รวมประมาณ 100 คน ซึ่งมีโปรแกรมเที่ยวที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ในวันที่ 4 – 6 ต.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาในวันที่ 7 กลุ่มทัวร์ได้มายัง กทม. เพื่อช๊อปปิ้ง ก่อนจะเดินทางกลับขึ้นเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 02.00 น. ในวันที่ 8 ต.ค. แต่ระหว่างที่แวะช๊อปปิ้งและกินข้าวที่บริเวณจุดเกิดเหตุ ก็พบกลุ่มวัยรุ่นถืออาวุธปืนและก่อเหตุทะเลาะวิวาท เมื่อเห็นดังนั้นไกด์นำเที่ยวจึงเรียกลูกทัวร์ขึ้นรถ โดยนายดีรัช ผู้เสียชีวิต และนายชามา ดาเมนด้า อายุ 45 ปี คนเจ็บ ทั้งคู่เป็นตัวแทนขายประกันของบริษัท นั่งโต๊ะกินข้าวอยู่ไกลไม่ได้ยินเสียง กระทั่งเสียงปืนดังขึ้น ทำให้ผู้ตายที่นั่งหันหลังอยู่ และคนเจ็บที่นั่งใกล้กันถูกยิงล้มลง และพบว่าผู้ตายมีแผลถูกยิงจากหลังทะลุท้องตัดเส้นเลือดใหญ่ ได้พูดประโยคสุดท้ายกับนายชามาว่า “บอกภรรยาฉันด้วย” ก่อนจะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์และเสียชีวิตในเวลาต่อมา

นายบัสแซน พี่ชายผู้เสียชีวิต กล่าวทั้งน้ำตาว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และก็เข้าใจว่าเป็นเหตุสุดวิสัย พร้อมขอบคุณรัฐบาลไทยที่เข้าช่วยเหลือ ทำให้นำร่างกลับไปประเทศอินเดียได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 8 ต.ค.ที่ผ่านมา น้องชายคนเล็กของตนได้เดินทางมายังประเทศไทย เพื่อรับศพนายเกรชา กลับไปประกอบพิธีทางศาสนา ที่เมืองอุไดร์บูร์ ประเทศอินเดีย

ด้าน พล.ต.ต.เสนิต กล่าวว่า ในส่วนของคดีขณะนี้มีความคืบหน้าไปมาก ซึ่งได้ออกหมายจับไปแล้ว 1 ราย คือนายปรีชา หรือตั้ม ศักดิ์อุดมไพศาล อายุ 28 ปี เจ้าของโต๊ะสนุ๊กดังกล่าว โดยจะมีการออกหมายจับเพิ่มภายในเย็นวันนี้อีกประมาณ 6-7 คน คาดว่าจะมีข่าวดีเร็วๆ นี้