ปชป.ยันสมาชิก2.5ล้าน มีสิทธิหยั่งเสียง

ปชป.ยันสมาชิก2.5ล้าน มีสิทธิหยั่งเสียง

"จุรินทร์" ยันสมาชิกปชป.กว่า2.5ล้าน มีสิทธิหยั่งเสียง เผย5กกต.พรรค หลัง "วิลาศ-พีรพันธ์" ขอถอนตัว

เมื่อเวลา 11.45 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะทำหน้าที่แทนหัวหน้าพรรคในช่วงระหว่างการหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรค แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคว่า วันนี้ที่ประชุมได้มีมติแต่งตั้งคณะกรรมการการเลือกตั้งของพรรค (กกต.พรรค) ทั้ง 5 คน แล้ว ประกอบด้วย นายชุมพล กาญจนะ เป็นประธาน กกต.พรรค, นายเมฆินทร์ เอี่ยมสะอาด, นายธนา ชีรวินิช, นายชัยวุฒิ ผ่องแผ้ว, และนางเจิมมาศ จึงเลิศศิริ เป็นเลขาฯ ซึ่งกกต.พรรค จะมีหน้าที่ดำเนินการจัดการลงคะแนนหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรคให้เป็นไปอย่างเรียบร้อย สามารถตั้งคณะทำงาน ออกระเบียบ กำหนดหน่วยลงคะแนน และดำเนินการอื่นใดให้การหยั่งเสียงเป็นไปด้วยความเรียบร้อยด้วยดี เมื่อได้ผลการหยั่งเสียงในวันที่ 5 พ.ย. หลังเวลา 17.00 น. ให้รายงานผลให้กรรมการบริหารพรรคทราบทันที จากนั้นถือว่า กกต.พรรคหมดภารกิจ

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมี่มติเพิ่มจุดลงคะแนนซึ่งจากเดิมกำหนดว่าให้กำหนดจุดลงคะแนนในทุกจังหวัดที่มีสมาชิกอยู่ไม่น้อยกว่า 1 จุดนั้นให้เป็นอำนาจของกกต.พรรคเสนอต่อเลขาธิการพรรคให้ความเห็นชอบ โดยให้เสนอภายในวันที่ 15 ต.ค. เพื่อให้สำนักงานเลขาธิการพรรค เตรียมการหยั่งเสียง ในส่วนผู้มีสิทธิลงคะแนนหยั่งเสียง 3 กลุ่มคือ 1.สมาชิกที่มายืนยันความเป็นสมาชิก 8 หมื่นกว่าคน 2.สมาชิกเดิมจำนวน 2.5 ล้านคน และ 3.สมาชิกใหม่ที่สมัครและมีสถานภาพเป็นสมาชิกจนถึงวันที่ 15 ต.ค. 2561 เวลา 17.00 น. ซึ่งสมาชิกใหม่จนถึงวันที่ 8 ต.ค. มีจำนวน 959 คน ส่วนการกำหนดจุดรับสมัครสมาชิกของพรรคนั้นที่ประชุมได้เพิ่มเติมจุดรับสมัครอีก 54 จุดจาก 232 จุดเป็น 286 จุด

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รายชื่อ กกต. พรรคมีการเปลี่ยนแปลงจากเดิม จากที่มีชื่อของนายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ และนายพีรพันธ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นกรรมการกลาง เนื่องจากนายวิลาศ ขอถอนตัว ส่วนนายพีรพันธ์ ซึ่งในตอนแรกถูกกำหนดให้เป็นประธาน กกต. ยื่นเงื่อนไขว่าจะทำหน้าที่ก็ต่อเมื่อมีการเปลี่ยนผู้มีสิทธิหยั่งเสียงใหม่ โดยต้องการให้ยกเลิกการให้สมาชิกเดิม 2.5 ล้านคนมีสิทธิหยั่งเสียงด้วย อ้างว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายเพราะคนเหล่านี้ไม่มีสถานะเป็นสมาชิกพรรคแล้ว เป็นการเปิดโอกาสให้คนภายนอกเข้ามาชี้นำพรรค ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกับที่นพ.วรงค์เรียกร้อง แต่ผู้ใหญ่ในพรรคไม่เห็นด้วย เพราะการกำหนดให้สมาชิกเดิม 2.5 ล้านคนมีสิทธิหยั่งเสียงด้วยเป็นมติของกรรมการบริหารพรรคที่ผ่านการรับรองจากที่ประชุมใหญ่แล้ว ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามความต้องการของนายพีรพันธ์ ส่งผลให้นายพีรพันธ์ขอถอนตัวจากการเป็นประธาน กกต.พรรค จึงมีการทาบทามนายชุมพล กาญจนะ มาเป็นประธาน และให้นางเจิมมาศ จึงเลิศศิริ เป็นเลขา