รวบ 2 ผู้ต้องหาตุ๋นเหยื่อหลอกขายสินเชื่อ สูญเงินกว่าล้านบาท

รวบ 2 ผู้ต้องหาตุ๋นเหยื่อหลอกขายสินเชื่อ สูญเงินกว่าล้านบาท

“บิ๊กโจ๊ก” แถลงจับ 2 ผู้ต้องหาตุ๋นเหยื่อหลอกขายสินเชื่อ สูญเงินกว่า 1 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2561 ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รักษาราชการแทนผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (รรท.ผบช.สตม.) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 18 กันยายน ตำรวจสามารถจับกุมนายชัยณรงค์ อายุ 20 ปี และนางสาวศศิธร อายุ30 ปี ผู้ต้องหาเครือข่ายหลอกลวงเงินผู้เสียหาย โดยการโพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก โฆษณา ว่า สามารถให้สินเชื่อเพื่อการลงทุนรับเงินภายในครึ่งชั่วโมง โดยไม่ใช้คนค้ำประกันและผู้ที่ติดแบล็คลิสก็สามารถกู้เงินได้ การันตีผลผ่านการอนุมัติ 100% ซึ่งหากมีผู้สนใจในการขอสินเชื่อดังกล่าวจะทำการติดต่อสอบถามไป คนร้ายก็จะทำการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายสินเชื่อของธนาคารเพื่อหลอกให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ เมื่อเสียหายโอนเงินค่าดำเนินการเป็นจำนวนเงิน 3,500 บาท จนถึงร้อยละ 7 ของยอดเงินที่ต้องการจะขอสินเชื่อ คนร้ายก็จะการบล็อคช่องทางการติดต่อและนำเงินหลบหนีไป รวมความเสียหายกว่า 1 ล้านบาท จากการตรวจสอบประวัติ นายชัยณรงค์ เคยก่อเหตุกระทำความผิดในลักษณะดังกล่าวและเป็นบุคคลที่มีหมายจับอีกจำนวน 7 หมายจับในหลายพื้นที่ โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมได้ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา

รรท.ผบช.สตม. กล่าวอีกว่า จากการสืบสวนทราบว่านายณรงค์ชัย สอนเอี่ยม ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพัทยา ทำหน้าที่รับจ้างเปิดบัญชีธนาคารเพื่อให้นำไปใช้สำหรับการหลอกลวงและรับโอนเงินจากเหยื่อ และยังเป็นผู้ทำการถอนเงินที่ได้จากการหลอกลวง ส่วนนางสาวศศิธร ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่น ทำหน้าที่เป็นเจ้าของบัญชีธนาคารใช้รับโอนเงินจากเหยื่อที่ถูกหลอกลวง ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน และ นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 รายส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ประชาชนที่ต้องการใช้เงินในการลงทุนประกอบอาชีพ หรือดำเนินการในเรื่องต่างๆ ขอให้กู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินของรัฐหรือที่รัฐบาลรับรองที่น่าเชื่อถือ อย่าไปหลงเชื่อในการกู้ยืมเงินจากพวกมิจฉาชีพที่ใช้ช่องทางโซเชียลแล้วหลอกให้โอนเงินค่าดำเนินการก่อนกู้ยืมเงิน เพราะอาจถูกหลอกไม่ได้กู้ยืมเงินและต้องเสียเงินไป ซึ่งการลงทุนได้ดอกเบี้ยในอัตราสูงไม่มีอยู่จริง ขอให้ตรวจสอบข้อมูลกับศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลข 1155