ไทยออยล์คาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมัน 8 - 12 ต.ค. 61

ไทยออยล์คาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมัน 8 - 12 ต.ค. 61

ราคาน้ำมันทรงตัวในระดับสูง จากการลดการส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่าน

ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 75 - 80 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 84 – 89 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

                                               

แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (8 - 12 ต.ค. 61)

ราคาน้ำมันดิบคาดว่าจะทรงตัวในระดับสูง จากความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันดิบตึงตัว หลังอิหร่านลดการส่งออกน้ำมันดิบ เนื่องจากสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรอิหร่าน อย่างไรก็ตาม ตลาดยังจับตาการปรับกำลังการผลิตของซาอุดิอาระเบีย และรัสเซียที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นเพื่อชดเชยอุปทานที่ขาดหายไปจากอิหร่านและเวเนซุเอลา ประกอบกับปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้น ในช่วงฤดูกาลปิดซ่อมบำรุงของโรงกลั่น นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบคาดว่าจะได้รับแรงกดดันจากความต้องการใช้น้ำมันที่อาจได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น และค่าเงินของประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่อ่อนค่าลง

ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้:

  • การคว่ำบาตรอิหร่านโดยสหรัฐฯ ยังคงกดดันปริมาณการผลิตและการส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่านอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด จีนซึ่งเป็นประเทศนำเข้าน้ำมันดิบรายหลัก และนำเข้าเฉลี่ยราว 650,000 บาร์เรลต่อวัน มีแนวโน้มปรับลดการนำเข้าน้ำมันดิบจากอิหร่าน หลังบริษัท Sinopec ของจีน ปรับลดการนำเข้าในเดือนก.ย. ราวร้อยละ 50 มาอยู่ที่ 130,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งถือว่าเป็นการปรับลดมากที่สุดในรอบหลายปี
  • จับตาความร่วมมือของซาอุดิอาระเบีย และรัสเซียเกี่ยวกับการเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อผ่อนคลายอุปทานที่ตึงตัว โดยมีข่าวว่ารัสเซียและซาอุดิอาระเบียได้มีการตกลงกันอย่างไม่เปิดเผยเป็นทางการที่จะเพิ่มกำลังการผลิตราว 200,000-300,000 บาร์เรลต่อวัน จากระดับการผลิตในเดือนก.ย. 61 ในขณะที่รัสเซียวางแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิตในเดือนต.ค. 61 ราว 150,000 บาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา
  • ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังความต้องการใช้น้ำมันปรับตัวลดลง เนื่องจากโรงกลั่นในสหรัฐฯ อยู่ในช่วงฤดูกาลปิดซ่อมบำรุง โดยในสัปดาห์ล่าสุด สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 29 ก.ย. 61 ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 96 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ 404.0 ล้านบาร์เรล ซึ่งการปรับเพิ่มขึ้นหลักๆ มาจากปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบที่ปรับลดลงราว 0.92 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ 1.7 ล้านบาร์เรล
  • ความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันโลกมีเพิ่มมากขึ้น หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นเหนือระดับ 80 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศผู้นำเข้าน้ำมันดิบ นอกจากนี้ อุปสงค์คาดว่าจะได้รับแรงกดดันจากค่าเงินของประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่อ่อนค่าลงเช่น ค่าเงินรูปี ของประเทศอินเดีย ค่าเงินรูเปีย ของประเทศอินโดนีเซีย และค่าเงินเปโซ ของประเทศฟิลิปปินส์ เป็นต้น ซึ่งการที่เงินอ่อนค่าลง ทำให้ราคาน้ำมันซึ่งอยู่ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีราคาแพงขึ้นเมื่ออยู่ในสกุลเงินอื่น
  • ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิตและผู้บริโภคสหรัฐฯ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมยูโรโซน และดัชนีภาคการบริการจีน (Caixin PMI)

 

สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (1 - 5 ต.ค. 61)

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.09 ดอลลาร์สหรัฐฯ มาอยู่ที่ 74.34 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในขณะที่ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับเพิ่มขึ้น 1.44 ดอลลาร์สหรัฐฯ มาอยู่ที่ 84.16 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล  ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 85 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล โดยได้รับแรงหนุนจากความกังวลเกี่ยวกับเรื่องอุปทานน้ำมันดิบตึงตัว จากผลกระทบของการคว่ำบาตรอิหร่านโดยสหรัฐฯ นอกจากนี้  ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากความตึงเครียดเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศในทวีปอเมริกาเหนือ ที่คลี่คลายลง หลังสหรัฐฯ และแคนาดาสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าฉบับใหม่ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยจะร่วมลงนามกับเม็กซิโก และเปลี่ยนชื่อเป็น "ข้อตกลงสหรัฐ-เม็กซิโก-แคนาดา" (USMCA) อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดดันจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

      

---------------------------------------------------- 

ที่มา : บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)          

        โทร.02-797-2999