ลูกสาวเหยื่อถูกแท็กซี่ชนแล้วหนี ซัดไร้สำนึก

ลูกสาวเหยื่อถูกแท็กซี่ชนแล้วหนี ซัดไร้สำนึก

ลูกสาวเหยื่อถูกแท็กซี่ชนแล้วหนี เสียใจ - โกรธโชเฟอร์ไม่สำนึก ยกมือไหว้เฉยๆ ไม่ได้ขอโทษด้วยความจริงใจ แถมอ้างไม่รู้ชนอะไร ไร้จิตสำนึกของความเป็นคน

เมื่อเวลา 14.45 น. วันที่ 7 ตุลาคม 2561 ที่ สน.บางเขน พ.ต.อ.ยรรยง สันติปรีชาวัฒน์ รอง ผบก.น.2 พร้อมด้วย พ.ต.อ.คณบดี เลิศอมรศักดิ์ ผกก.สส.บก.น.2 พ.ต.อ.อำนาจ อินทรศวร ผกก.สน.บางเขน และฝ่ายสืบสวน สน.บางเขน ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายถวิล ธรณี อายุ 49 ปี พร้อมของกลางรถแท็กซี่ ยี่ห้อ โตโยต้า รุ่น โคโรลล่า สีเขียว - เหลือง โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่บ้าน แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กทม. โดยมี น.ส.ณิชานันท์ วงษา อายุ 36 ปี บุตรสาวของผู้เสียชีวิต เดินทางมาร่วมในครั้งนี้

พ.ต.อ.ยรรยง กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 23.58 น. ของวันที่ 21 ก.ย. ที่ผ่านมา เกิดเหตุรถแท็กซี่ สีเขียว - เหลือง ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ชนนายอิทธิพล วงษา อายุ 60 ปี จนเสียชีวิตแล้วหลบหนี เหตุเกิดหน้าประตู 3 ตลาดยิ่งเจริญ ถนนพหลโยธินขาออก แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นคดีที่พี่น้องประชาชนให้ความสนใจ เนื่องจากเป็นเรื่องสะเทือนใจ ขับชนแล้วหนี ไร้มนุษยธรรม จนกระทั่งเมื่อช่วงเช้า (7 ต.ค.) ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.น.2 และฝ่ายสืบสวน สน.บางเขน ร่วมกันนำกำลังเข้าติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุเอาไว้ได้ ทั้งนี้ จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ทั้งเรื่องของการเฉี่ยวชนแล้วหลบหนี และการปลอมแปลงเอกสารเรื่องทะเบียนรถ

พ.ต.อ.ยรรยง กล่าวต่อว่า รถแท็กซี่คันเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดได้จากบ้านพักของผู้ต้องหา และจากการตรวจสอบหมายเลขทะเบียนรถพบว่าเป็นรถแท็กซี่ที่มีหมายเลขทะเบียนเดียวกันอยู่ 2 คัน ซึ่งหลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการขยายผลเพื่อดำเนินการอีกครั้ง ซึ่งรถคันเกิดเหตุเป็นรถที่สวมทะเบียนมา โดยซื้อต่อมาอีกทอดหนึ่ง และครอบครองมาได้ประมาณ 6 เดือน ซึ่งแท้จริงรถคันดังกล่าวได้หมดอายุการใช้งานรับจ้างสาธารณะลงแล้ว โดยสีเดิมคือชมพู จากนั้นได้ลักลอบเปลี่ยนจากรถสหกรณ์มาเป็นแท็กซี่ สีเขียว - เหลือง จนกระทั่งมาเกิดเรื่อง และในวันรุ่งขึ้นทางผู้ต้องหาได้นำรถเข้าอู่ทันที โดยซ่อมกระจกในราคา 2,800 บาท และกันชนหน้า 300 บาท ก่อนนำไปขับตามปกติจนกระทั่งมาถูกจับกุมได้ดังกล่าว

น.ส.ณิชานันท์ กล่าวว่า รู้สึกโล่งแล้วที่คนร้ายได้รับโทษแล้ว แต่ก็ยังเสียใจที่เขายังไม่สำนึกอยู่ดี เขาบอกว่าไม่รู้ว่าชนอะไร พูดมาได้อย่างไร คนขับรถจะต้องรู้ ทางผู้ต้องหาได้ยกมือไหว้ขอโทษทางครอบครัว แต่เขาน่าจะขอโทษด้วยความจริงใจ ไม่ใช่ทำเพราะว่าแค่ทำเฉยๆ ถึงวันนี้แล้วเหตุการณ์เกิดมากี่อาทิตย์แล้ว เขายังไม่มีจิตสำนึกเลยว่าทำลงไปเพราะอะไร นี่คือสิ่งที่ตนเสียใจ ตนไม่เชื่อว่าเขาไม่รู้จริงๆ ว่าชนอะไร คนทั้งคน เขาเพียงยอมรับว่าเขาชน แต่เขาไม่ยอมรับว่าเขาชนอะไร ซึ่งทางผู้ต้องหาก็บอกว่าเขาไม่ทราบข่าวนี้จริงๆ เพราะที่บ้านไม่มีทีวี ไม่มีอะไรที่จะรับข่าวสารได้

น.ส.ณิชานันท์ กล่าวอีกว่า อยากให้ทุกคนอยู่ด้วยกันแบบมีน้ำใจให้กัน ตนก็ไม่ได้บอกว่าพ่อถูกทุกอย่าง พ่อตนก็ผิดที่ออกไปเดินยามวิกาลแบบนั้น แต่ตนอยากให้คนเราอยู่ร่วมกันด้วยความมีน้ำใจให้กัน เราเข้าใจอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกวัน แต่คุณชน คุณก็ควรลงไปช่วยเหลือเขาบ้าง อย่างน้อยจิตสำนึกของความเป็นคน คุณทำเขา คุณก็ช่วยเขาเถอะ เพราะหนีไปคุณก็ไม่รอดอยู่ดี ตอนนี้ตนตอบได้ว่ายังโกรธผู้ต้องหาอยู่ แต่สักวันคงจะให้อภัยได้

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย , ไม่หยุดช่วยเหลือหรือไม่แจ้งเหตุให้เจ้าหน้าที่ที่อยู่ใกล้เคียงในทันที มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท ประกอบ พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท และปลอมเอกสารสิทธิ์อันเป็นเอกสารราชการและใช้เอกสารสิทธิ์อันเป็นเอกสารราชการปลอม มีโทษจำคุก 1 ปี ถึง 10 ปี ปรับไม่เกิน 2 แสนบาท ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป