'ชวลิต' ปัดข่าวเปลี่ยนขั้วย้ำภักดีเพื่อไทย

'ชวลิต' ปัดข่าวเปลี่ยนขั้วย้ำภักดีเพื่อไทย

“ชวลิต” ยันไม่ฮั้ว “ยงใจยุทธ” ในนครพนม เผยขอกก.บห.พท.ลงเขต 4 ชนอดีตส.ส.เพื่อนเก่าที่ย้ายซบฝ่ายตรงข้าม ย้ำไม่ย้ายพรรค

เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2561 นายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีต ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ได้มีโอกาสพูดคุยกับอดีตส.ส.นครพนม เขต 4 หลายครั้ง ถึงข่าวลือว่าจะย้ายพรรคไปอยู่พรรคการเมืองอื่น ซึ่งเป็นขั้วตรงข้ามกับฝ่ายประชาธิปไตย เพราะรู้สึกห่วงใยว่า การเปลี่ยนขั้วทางการเมืองที่มีอุดมการณ์ตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิง จากพรรคเพื่อไทยที่ยึดมั่นอุดมการณ์ประชาธิปไตย ไปสู่อีกฟากฝั่งหนึ่งซึ่งมีแนวคิดสืบทอดอำนาจ จะมีเหตุผลตอบประชาชนอย่างไร เพราะชาวอีสานมีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่น คือ กตัญญูรู้คุณ ทั้งรู้คุณประชาชนผู้เลือก และรู้คุณพรรคที่อนุญาตให้สังกัดลงสมัครรับเลือกตั้งจนได้เป็นผู้แทน

นายชวลิตกล่าวว่า ได้สอบถามถึงเหตุผลในการย้ายพรรค เพราะจ.นครพนมเขตเลือกตั้งก็ไม่ลด ข้อขัดแย้งเรื่องเขตก็ไม่มี ได้รับคำตอบว่า ขอไปด้วยเหตุผลส่วนตัว และขณะนี้ไปไกลถึงขั้นไปพบผู้ใหญ่เบอร์สองมาแล้ว

“แม้ตนจะเสียใจที่รั้งเพื่อนอดีตส.ส.ไว้ไม่อยู่ เพราะกินข้าวหม้อเดียวกันมา จึงได้แต่ตอบไปว่า ความสัมพันธ์ส่วนตัวยังเหมือนเดิม แต่เมื่ออุดมการณ์ทางการเมืองต่างกันอย่างสุดขั้ว ฝ่ายหนึ่งเชื่อมั่นประชาธิปไตย อีกฝ่ายหนึ่งสนับสนุนการสืบทอดอำนาจ ก็ต้องให้ประชาชนได้พิจารณา” นายชวลิตกล่าวเเละว่า

ในฐานะที่ตนเป็นคนหนึ่งที่ยืนหยัดแสดงความเห็นต่อสาธารณะในการต่อต้านเผด็จการ คัดค้านการสืบทอดอำนาจมาตลอดตั้งแต่หลังการปฏิวัติรัฐประหาร เมื่อ 22 พ.ค.2557 ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ได้เห็นความยากลำบากของประชาชนในช่วงเวลา 4 ปีเศษที่ผ่านมา เมื่อการเมืองเปิด จึงขออาสาต่อผู้บริหารพรรค ขอลงสมัครรับเลือกตั้งในเขต 4 จ.นครพนม ให้พี่น้องชาวนครพนมได้พิจารณาอนาคตของตนเองและบ้านเมือง เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ที่ประชาชนคนไทยจะเลือกอนาคตของตนเองว่าการเมืองแนวทางไหนจะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้อง ปัญหาราคาพืชผลทางด้านการเกษตรตกต่ำ ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้ ดังนั้น วันที่ 24 ก.พ.62 ที่จะถึง รอการพิสูจน์ความต้องการของประชาชนว่าจะให้พรรคการเมืองใดมาแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน

นายชวลิตกล่าวในที่สุดว่า ที่ตนตัดสินใจให้ข่าวครั้งนี้ เนื่องจากเวลาลงพื้นที่มีชาวบ้านมาสอบถามจำนวนมากว่า ย้ายพรรคหรือเปล่า ฮั้วทางการเมืองกันหรือเปล่า ชาวบ้านสับสนมาก เพราะมีคนนามสกุล “ยงใจยุทธ” ซึ่งเคยทำงานการเมืองท้องถิ่นร่วมกันมาก่อน มาอาสาทำงานการเมืองระดับชาติในเขตเมืองนครพนมในฝ่ายการเมืองที่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจ จึงจำเป็นต้องตอบประชาชนไม่ให้สับสนว่า ผมยืนหยัดอยู่พรรคเพื่อไทย ไม่ย้ายไปไหน และไม่ฮั้วทางการเมืองกันอย่างแน่นอน การทุ่มเททำงานการเมืองในพรรคเพื่อไทยที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ เพื่อความสบายใจ ไม่ให้ชาวนครพนมสับสน ในฐานะที่เคยทำงานกับ พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ จึงได้สอบถามถึงการเคลื่อนไหวทางการเมืองในจ.นครพนมดังกล่าว พล.อ.ตอบสั้น ๆ ว่า “ช่วงพ่อดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ.เมื่อตั้งใจจะมาทำงานการเมืองเพื่อประเทศชาติ ก็ได้ลาออกจากตำแหน่ง ผบ.ทบ. มาเดินหาเสียงเหมือนนักการเมืองทั่วไป จนได้ชื่อว่าเป็นนายทหารประชาธิปไตย เท่านี้ก็คงจะทราบว่า จุดยืนทางการเมืองของพ่ออยู่ตรงไหน”

นายศักดา นพสิทธิ์ อดีดโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวกับสื่อมวลชลว่า “มีความสนใจการเมือง” และก็มีการตั้งพรรคการเมืองชื่อพลังประชารัฐขึ้น โดยมีรัฐมนตรีผู้ใต้บังคับบัญชา เป็นหัวหน้า เลขาธิการ และตำแหน่งสำคัญของพรรคการเมือง นอกจากนั้นยังมี ผช.รมต.ที่ปรึกษา ร่วมเป็นกรรมการบริหารพรรค หลายสิบคน ทำให้สังคมสงสัยว่า พรรคพลังประชารัฐ ตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์สืบทอดอำนาจหลังจากยึดอำนาจ แม้นายกรัฐมนตรีจะปฏิเสธมาตลอดก็ตาม ก็ยังเป็นที่สงสัยมาตลอดว่าจริงหรือไม่

นายศักดา กล่าวว่า เพื่อความสง่างามสำหรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ควรทำความสงสัยดังกล่าว ให้หมดสิ้นไป ด้วยเหตุผลคือ 1. รัฐบาลมีความตั้งใจที่จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้นในทุกระดับ , ส่งเสริมให้พี่น้องประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น รัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจจึงเป็นกลไกลและกำลังสำคัญของรัฐบาล เมื่อรัฐมนตรีของรัฐบาลนี้สนใจที่จะไปทำงานการเมืองและตั้งพรรคการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องส่วนตัว ทำให้รัฐรัฐมนตรีดังกล่าวทั้ง 4 คน ไม่สามารถทุ่มเทสรรพกำลัง เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ ทั้งอาจเกิดข้อบกพร่องในการทำหน้าที่ได้ จึงควรลาออก 2. รัฐบาลมีนโยบาลที่จะปฏิรูปการเมืองและบริหารราชการ แม้กรณีดังกล่าวไม่เป็นความผิดตามกฏหมาย แต่เพื่อเป็นการยกระดับมาตรฐานและสร้างบรรทัดฐานกับผู้ดำรงตำแหน่งการเมือง ที่สูงว่ากฏหมาย ไม่ใช่จะกล่าวว่าผิดหรือไม่ผิด 3.เพื่อป้องกันรัฐมนตรีและผู้ดำรงตำแหน่งการเมือง ของรัฐบาลนี้ มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับตำแหน่งหน้าที่และพรรคการเมืองที่ตั้งขึ้น ไม่ว่าจะนำทรัพย์สินราชการไปใช้ สร้างความเกรงกลัวกับข้าราชการ และเอาเวลาราชการไปใช้ จึงควรลาออก

นายศักดา กล่าวต่อว่า สิ่งที่เสนอต่อนายกฯเพื่อต้องการให้นายกฯ แสดงออกให้พี่น้องประชาชน เกิดความเชื่อมั่นว่า สิ่งที่นายกฯ และรัฐบาลนี้ทำ มีความตั้งใจจริง และเพื่อประสิทธิภาพในการบริหารประเทศ เป็นรัฐบาลที่ปฏิรูป และสร้างบรรทัดฐานแก่ประเทศ ไม่ได้ตั้งพรรคการเมือง เพื่อสืบทอดอำนาจ หากนายกรัฐมนตรีไม่ทำให้ความเคลือบแคลงดังกล่าวให้หายไป ก็จะเป็นข้อสงสัยของประชาชน ว่า นายกฯ พูดไม่ตรงความเป็นจริง