เปิดปมต่างแดน 'ชาวบ้านรำคาญโบสถ์-มัสยิด' เสียงดัง

เมื่อเดือน ม.ค.เว็บไซต์เดย์ตันดอทคอมรายงานว่า นางสาวเบอร์นาเดต ฮอลล์-เคอรอน ที่อาศัยอยู่ใกล้โบสถ์ Our Lady of Guadalupe รัฐนิวเม็กซิโกของสหรัฐมานานหลายปีไม่เคยมีปัญหา จนกระทั่งโบสถ์เปลี่ยนมาใช้ระบบระฆังไฟฟ้าที่ส่งเสียงดังขึ้น แถมยังเพิ่มเสียงระฆังดังอีก 20-25 ครั้ง และเปิดเพลงอย่าง “Amazing Grace.” ด้วย 

นางสาวฮอลล์-เคอรอนโอดครวญว่า ถูกเสียงระฆังจากโบสถ์ปลุกทุกเช้า การทำงานที่บ้านก็ไม่มีสมาธิ เธอคิดว่าผู้นำโบสถ์ควรปรึกษาชาวบ้านในละแวกนั้นก่อนจะติดตั้งระบบระฆังใหม่ ด้วยเหตุนี้จึงร้องเรียนไปถึงโบสถ์โดยตรง แต่คำตอบที่ได้ยังไม่น่าพอใจ

ด้านบาทหลวงเผยว่า เขาลดเสียงระฆังลงแล้ว แล้วเลื่อนเวลาเริ่มตีจาก 6.00 น. เป็น 8.00 น. ตามคำร้องของนางสาวฮอลล์-เคอรอน ในฐานะคนที่เดือดร้อนเธอวิจารณ์ว่า เสียงระฆังน่ารำคาญขนาดนี้แทนที่คนจะอยากเข้าโบสถ์ คงจะหนีไปเลยมากกว่า ขณะที่บาทหลวงแย้งว่า สอบถามคนแถวนั้นแล้วใครๆ ก็ชอบเสียงระฆังใหม่

อีกเคสหนึ่งเกิดขึ้นเมื่อเดือน เม.ย.ที่ประเทศกานา เว็บไซต์ดีดับเบิลยูดอทคอมรายงานว่า รัฐบาลขอให้มัสยิดในกรุงอักกราใช้การส่งข้อความผ่านโทรศัพท์มือถือหรือแอพพลิเคชันวอทส์แอพพ์ เรียกชาวมุสลิมมาละหมาด

นายกวาเบนา ฟริมปอง โบเตง รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อม แนะว่า อิหม่ามควรส่งข้อความไปยังทุกๆ คนเมื่อถึงเวลาละหมาด

“ผมว่าวิธีนี้จะลดเสียงดังลงได้ อาจจะเป็นข้อถกเถียงกันอยู่แต่ก็น่าคิด” รัฐบาลกานาหวังว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะมีส่วนช่วยลดเสียงไม่ให้ดังเกินไป

แต่ก็ใช่ว่าชาวบ้านทุกคนจะยอมรับ ชีคอูซาน อาเหม็ด อิหม่ามประจำมัสยิดฟาดามา ซึ่งต้องเรียกชาวมุสลิมละหมาดวันละ 5 ครั้ง แม้ยอมรับว่าวิธีนี้ลดเสียงดัง  แต่ก็ต้องคำนึงเรื่องเศรษฐกิจด้วย

“อิหม่ามไม่ได้มีเงินเดือนนะคุณ เราจะหาเงินที่ไหนมาทำอย่างนั้น ก็ทำเท่าที่ทำได้ล่ะนะ การส่งข้อความไม่ใช่ปัญหาหรอก แต่ผมคิดว่าไม่จำเป็น”

ชาวบ้านหลายคนก็ไม่เห็นด้วย โดยอ้างว่าโบสถ์คริสต์ก็ใช้ลำโพงเสียงดังตั้งแต่รุ่งสางเหมือนกัน

เมื่อเป็นเช่นนี้รัฐบาลจึงส่งสัญญาณว่า สุดท้ายแล้วอาจต้องใช้กฎหมายนำความเงียบมาสู่กานา