ปรับ500บาท ร้านสเต๊กกั๊กที่จอดรถให้ลูกค้า

ปรับ500บาท ร้านสเต๊กกั๊กที่จอดรถให้ลูกค้า

"รองโฆษก ตร." แจงเจ้าของร้านสเต็กติดป้าย-วางสิ่งกีดขวางริมถนนเก็บค่าจอดรถ ผิดพรบ.จราจรทางบก ปรับ 500 บาท

เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2561 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เปิดเผยถึงกรณีที่ เฟสบุ๊คแฟนเพจ JS100 Radio ได้เผยแพร่ภาพจากริมถนนบริเวณหน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง ที่นำป้ายมาติดริมถนน ว่า “ไม่ใช่ลูกค้าร้านสเต็ก จอดรถ 100 บาท” ซึ่งมีผู้การแชร์และวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซลเชียลกันอย่างกว้างขวาง ว่า จากการสืบสวนทราบว่า ภรรยาเจ้าของร้านดังกล่าว รับสารภาพว่าเป็นผู้กระทำผิดดังกล่าวจริง สาเหตุมาจากลูกค้าที่มาใช้บริการหน้าร้านสเต็กของตน ไม่ได้รับความสะดวกในการจอดรถ แต่ก็ไม่ได้เรียกเก็บเงินดังกล่าวแต่อย่างใด และได้งดการกระทำดังกล่าวแล้ว และจะได้ลงรายละเอียดและกล่าวขอโทษประชาชนทางสื่อสังคมออนไลน์ของตนอีกส่วนหนึ่งต่อไป เจ้าพนักงานตำรวจได้นำเจ้าของร้านมาทำการสอบสวนและเปรียบเทียบปรับตาม พ.ร.บ.จราจร ม.114 เป็นจำนวนเงิน 500 บาท ส่วน ความผิดตาม พ.ร.บ.รักษาความสะอาดฯ นั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจะประสานเทศบาลมาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

สำหรับความผิดเรื่องการตั้งวางสิ่งของบนถนนกีดขวางการจราจร เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา114 ห้ามผู้ใดวางตั้ง ยื่น หรือแขวนสิ่งใดกีดขวางการจราจร ซึ่งเจ้าพนักงานมีอำนาจสั่งให้ผู้ฝ่าฝืนรื้อถอนสิ่งกีดขวางดังกล่าว หากไม่ยอมรื้อเจ้าพนักงานมีอำนาจในการรื้อถอน โดยมีโทษปรับไม่เกิน 500 บาท ประกอบกับพระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 มาตรา 19 ระบุว่า ห้ามผู้ใดตั้งวางหรือกองวัตถุใดๆบนถนน เว้นแต่เป็นการกระทำในบริเวณที่เจ้าพนักงานท้องถิ่น หรือ พนักงานเจ้าหน้าที่ประกาศกำหนดเห็นชอบ หากฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท

รอง โฆษก ตร.กล่าวต่ออีกว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการจับกุมผู้กระทำความผิดในลักษณะนี้มาโดยตลอด และสามารถยึดของกลางที่ใช้ในการกระทำความผิดได้เป็นจำนวนมาก โดยการตั้งวางสิ่งของกีดขวางการจราจรเพื่อกั๊กที่จอดรถ ไม่ว่าจะเป็น ยางรถยนต์ กรวย ไม้กัน และวัสดุอีกหลากหลายชนิดที่ถูกนำมาวางบนถนน ริมทางเท้าหรือทางเกินเท้า เพื่อกั๊กพื้นที่ไม่ให้ผู้อื่นมาจอดรถบนถนนหน้าบ้านตัวเอง ร้านค้าตัวเอง เพื่อประโยชน์ส่วนตนนั้น พบว่าเป็นปัญหาอย่างหนึ่งที่ทำให้การจราจรติดขัด เสียช่องทางจราจรไปหนึ่งช่องทาง และยังพบอีกว่ามีผู้ฝ่าฝืนกฎหมายในการกระทำดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นว่ายังมีประชาชนบางส่วนที่ยังขาดจิตสำนึกต่อส่วนร่วม การเคารพต่อกฎหมาย