ผบ.ทสส.ชู 5 นโยบายปองสถาบันหนุนกิจกรรม ฉก.904

ผบ.ทสส.ชู 5 นโยบายปองสถาบันหนุนกิจกรรม ฉก.904

"ผบ.ทสส."ชู นโยบาย 5 ข้อ ป้องสถานบัน หนุนกิจกรรม ฉก.904 ฟื้นบทบาท ผบ.ทหาร เข้ม ระเบียบกำลังพล เตรียมความพร้อมรับ ไทย เป็นประธานอาเซียน 62 จัดประชุมระดับชาติทางทหาร

เมื่อวันที่ 3 ต.ค.61 ที่กองบัญชาการกองทัพไทย พล.ต.กฤษณ์ จันทรนิยม ผู้อำนวยการสำนักประชาสัมพันธ์กรมกิจการพลเรือนทหารในฐานะ โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย พร้อมด้วย น.อ. สุรสันต์ คงสิริ ผู้อำนวยการกองความร่วมมือระหว่างประเทศสำนักนโยบายและแผนกรมยุทธการทหารในฐานะ รองโฆษก บก.ทท. พ.อ.หญิง ฉัตรพี พูนศรี ประจำสำนักผู้บัญชาการทหารสูงสุดในฐานะ รองโฆษก บก.ทท. ร่วมแถลงข่าวถึง นโยบายและแนวทางการปฏิบัติงานของ พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด

โดย พล.ต.กฤษณ์ กล่าวว่า ในเวลา 10.00 น.วันที่ 3 ต.ค. ผบ.ทสส.ได้จัดการประชุมหัวหน้าส่วนราชการครั้งที่ 1/2562 โดยมีผู้ร่วมรับฟังคำชี้แจงและรับมอบนโยบายกว่า 300 คน ซึ่งเป็นกำลังพลทุกระดับตั้งแต่ชั้นนายพลลงมาจนถึงผู้อำนวยการกองพันเอกพิเศษและผู้บังคับหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ทุกแห่งทั่วประเทศ โดยได้กำหนดกรอบในการปฏิบัติงานในปีงบประมาณ 2562 เช่น ยึดร่างยุทธศาสตร์ 20 ปี แนวทางดำเนินการของรัฐบาลที่ได้ให้ไว้ โดยให้ข้าราชการกำหนดเป็นแนวทางในแต่ละส่วน ร่างนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติปี 2560-2564 รวมทั้งแนวนโยบายเร่งด่วนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมประจำปี 2562 ทั้งหมดนี้นำมาเป็นกรอบของการกำหนดทิศทางและแนวนโยบายให้กำลังพลและส่วนราชการของกองทัพไทยยึดถือและปฏิบัติตาม 5 ข้อ

พล.ต.กฤษณ์ กล่าวว่า 1. การพิทักษ์รักษาเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยผบ.ทสส.เน้นย้ำให้ทุกคนยึดถืออย่างเคร่งครัดคือกำลังพลทุกนายจะต้องระลึกถึงคุณูปการที่สถาบันพระมหากษัตริย์มีต่อชาติไทยและคนไทยอยู่เสมอ และให้ทุกหน่วยไปชี้แจงทำความเข้าใจกับกำลังพลผู้ใต้บังคับบัญชาซึ่งถือเป็นความเร่งด่วนสูงสุดนอกจากนี้ยังต้องสนับสนุนกิจกรรมของสถาบันทุกรูปแบบโดยเฉพาะกิจกรรมที่ทางกองบัญชาการกองทัพไทยได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบ เช่น การจัดการแข่งขันราชวัลลภเริงระบำการแข่งขันกองทหารเกียรติยศ การสนับสนุนโครงการจิตอาสาพระราชทาน รวมทั้งในปีนี้ท่านให้เพิ่มความเข้มข้นในการสนับสนุนการฝึกร่วมหน่วยทหารรักษาพระองค์ คือ ฉก.ทม. รักษาพระองค์ 904 อยากเป็นรูปประธรรม

2. การป้องกันประเทศ ท่านเน้นย้ำให้หน่วยที่เกี่ยวข้องทำความเข้าใจบทบาทของกองทัพในส่วนของการเตรียมกำลังให้มีความพร้อมในทุกภารกิจซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของการดำเนินการของทหารและในการดำเนินการกองทัพไทยต้องมีบทบาทนำและเป็นที่ยอมรับของเหล่าทัพ ทั้งในการปฏิบัติการร่วมในลักษณะปรัลปรุงศูนย์บัญชาการทหารเดิมที่มีอยู่แล้ว ทางด้านกำลังพล ระบบงาน และยุทโธปกรณ์ เพื่อให้สามารถติดตามสถานการณ์การวางแผนควบคุมอำนวยการต่อศูนย์ปฏิบัติการของเหล่าทัพและอย่างเป็นรูปประธรรมและมีประสิทธิภาพ

พล.ต.กฤษณ์ กล่าวต่อว่า สำหรับในเรื่องการฝึก ท่านได้เน้นย้ำให้ฝึกเพิ่มประสิทธิภาพในทุกๆด้านทั้งการข่าว ระบบฐานข้อมูล การปฏิบัติที่นำไปใช้จะต้องใช้ปฏิบัติงานได้จริงและที่สำคัญที่สุดทันต่อเหตุการณ์และเวลา นอกจากนี้จะมีการเพิ่มบทบาทของคณะผู้บัญชาการทางทหาร ประกอบด้วย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และเสนาธิการทหาร โดยจะจัดให้มีการประชุม ก่อนที่จะมีการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพทุกครั้ง ซึ่งที่ผ่านมาการประชุมคณะผู้บัญชาการทางทหาร จะเกิดขึ้นต่อเมื่อมีเหตุการณ์วิกฤตหรือมีการสนับสนุนการใช้กำลังต่างๆ ซึ่งจากนี้ไปจะมีการประชุมบ่อยมากขึ้น

"ในเรื่องของการฝึกร่วม จะต้องฝึกให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยมีการบูรณาการด้านการฝึกทั้งในส่วนของกองทัพไทยและเหล่าทัพ รวมถึงการปรับรูปแบบการฝึก โดยเน้นการฝึกทันสมัย ท่านเน้นย้ำให้ใช้เทคโนโลยีเครื่องมือระบบต่างๆที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ได้จริง สามารถตรวจสอบวัดผลและดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ"

3. การรักษาความมั่นคงแห่งรัฐ ท่านเน้นย้ำชื่อเสียงเกียรติยศของกองทัพมีความสำคัญกว่าตัวเราอยากทำการใดๆที่จะทำลายองค์กรขวัญและกำลังใจของเราเองโดยเนื้อหาในการปฏิบัติ การรักษาความมั่นคงของรัฐ นอกจากสนับสนุนการปฏิบัติของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาสำคัญของชาติ ไม่ว่าจะเป็นความมั่นคงในมิติต่างๆการแก้ไขปัญหายาเสพติด ความไม่สงบในชายแดน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งการสร้างความตระหนักรู้ให้กับกำลังพลทุกระดับในเรื่องภัยคุกคาม คือ สงครามไซเบอร์ ที่มีการปรับรูปแบบและเน้นย้ำให้มีความเข้มข้นมากขึ้นและจะต้องมีการบูรณาการการปฏิบัติไซเบอร์ของกองทัพไทยโดยใช้กลไกของคณะกรรมการความมั่นคงความปลอดภัยทางด้านไซเบอร์ของกองทัพไทยและประชาคมไซเบอร์ของกองทัพไทย ส่วนการต่อต้านการก่อการร้ายสากล โดยผู้บัญชาการทหารสูงสุดได้เน้นย้ำในการเตรียมกำลังให้พร้อมที่จะสนับสนุน การก่อการร้ายสากลได้ ภายใน 30 นาที และไอ้เพิ่มบทบาทในเชิงป้องกัน โดย ให้ความสำคัญงานด้านการข่าวให้มากขึ้น

" ผบ.ทสส.ได้ฝากข้อคิดเป็นคติพจน์สำคัญให้กำลังพลทุกระดับของกองบัญชาการกองทัพไทยยึดถือปฏิบัติโดยท่านมีแนวคิดที่อยากจะถ่ายทอดว่ายามใดที่ลังเลในการตัดสินใจเรื่องต้นทางที่ประเทศชาติและประชาชนได้ประโยชน์มากที่สุดอย่าให้ความคิดใฝ่ต่ำมาบดบังความงามทางจิตใจเป็นอันขาด" พล.ต.กฤษณ์ กล่าวและว่า ในการประชุม ผบ.ทสส.ไม่ได้กล่าวถึง การดำเนินการในเรื่องของการเมือง เพื่อรองรับการเลือกตั้งที่จะมาถึง

ด้าน นาวาเอก สุรสันต์ คงสิริ ผู้อำนวยการกองความร่วมมือประเทศสำนักนโยบายและแผนกรมยุทธการทหาร ในฐานะรองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย กล่าวว่าการเสริมสร้างความร่วมมือการทหารกับมิตรประเทศ เป็น3 กลุ่มหลักคือประเทศเพื่อนบ้าน กลุ่มอาเซียนรวมถึง มหาอำนาจและประเทศอื่นๆ โดย บก.ทท. จะสนับสนุนรัฐบาลในการเป็นประธานอาเซียนในปี 2562 โดยจะมีการประชุมผู้บัญชาการทหารสูงสุดอาเซียนระหว่างวันที่6 ถึง 8 มีนาคม 2562 ที่กรุงเทพมหานคร การประชุมผู้บัญชาการทางทหารประจำปี 2562 ภาคพื้นอินโด-แปซิฟิก chief of defend conference 2019 โดยมีไทยและสหรัฐฯเป็นเจ้าภาพร่วม จัดขึ้นในช่วง 26-28 สิงหาคม 2562

ขณะที่ การฝึกจะมีกรอบความร่วมมือหลายด้านโดยเฉพาะการฝึกเจ้าหน้าที่คณะทำงานผู้เชี่ยวชาญด้านต่อต้านการก่อการร้ายสากลกรอบของรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนโดยช่วงเวลาการฝึกกำหนดไว้คือ กันยายน และพฤศจิกายน 2562 ต่อด้วยการฝึก peace keeping operation staff exercise เป็นกรอบที่ยกระดับจากทวิภาคี ไทยกับมาเลเซีย มาฝึกร่วมในระดับพหุภาคีในกรอบอาเซียน

สำหรับการฝึก คอบร้าโกลด์ เน้นกรอบการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศและความปลอดภัยในการฝึก รวมถึงการคงคุณค่าด้านการฝึกไว้อย่างมาตรฐานด้วยความสม่ำเสมอและเพิ่มระดับขึ้น โดยมีการริเริ่มการฝึกปฏิบัติการด้านไซเบอร์ การปฏิบัติการด้านทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม การดำเนินการจัดตั้งกองบัญชาการฝึกด้านมนุษยธรรมซึ่งจะมีผู้บังคับหน่วยที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงาน การฝึกมีความครบถ้วนทุกหน่วยงาน สำหรับความร่วมมือด้านความมั่นคงกับประเทศเพื่อนบ้าน ใช้กลไกที่มีอยู่ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเสริมสร้างบทบาทในการรักษาสันติภาพ

ขณะที่ พ.อ.หญิง ฉัตรรพี กล่าวเพิ่มเติมว่า ผบ.ทสส. ย้ำเรื่องการพัฒนาประเทศเพื่อความมั่นคง ในการช่วยเหลือประชาชนในทุกๆด้าน นอกจากนี้ได้เน้นย้ำเรื่องระเบียบวินัยของกำลังพลและการปฏิบัติตนที่เหมาะสมของกำลังพลโดยให้หัวหน้าส่วนราชการทุกหน่วย กำกับดูแลกำลังพลทุกท่านอย่างใกล้ชิดรวมถึงส่งเสริมพัฒนาขีดความสามารถของกำลังพลในด้านต่างๆทั้งภาษาอังกฤษภาษาประเทศเพื่อนบ้านความรู้ทางด้าน ให้ศึกษาทำความเข้าใจยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีโดยเฉพาะด้านความมั่นคงและแผนแม่บทตลอดจนแทนและรองรับยุทธศาสตร์ชาติ