ลุยปราบยา-รื้อระบบลาดตระเวน ดัับไฟใต้สไตล์ “บิ๊กเดฟ”

ลุยปราบยา-รื้อระบบลาดตระเวน    ดัับไฟใต้สไตล์ “บิ๊กเดฟ”

ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ยืดเยื้อมานานเกือบ 15 ปี กำลังจะมีการเปลี่ยนมือผู้รับผิดชอบในมิติความมั่นคงอีกครั้ง จากแม่ทัพภาคที่ 4 ที่เกษียณอายุราชการ พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช ส่งต่อภารกิจให้กับ แม่ทัพภาคที่ 4 คนใหม่ พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์

“ทีมข่าวเนชั่น” ได้มีโอกาสพูดคุยนอกรอบ เกี่ยวกับแนวทางดับไฟใต้ของ พล.ท.พรศักดิ์ หรือที่พี่ๆ น้องๆ ในกองทัพและสื่อมวลชนเรียกกันติดปากว่า “บิ๊กเดฟ”

โดยงานที่ พล.ท.พรศักดิ์ เตรียมผลักดันเพื่อให้ได้ใจพี่น้องประชาชนในพื้นที่ก็คือ งานปราบปรามการแพร่ระบาดของยาเสพติด ซึ่ง “บิ๊กเดฟ” ทำการบ้านมาเป็นอย่างดี จากที่เคยทำงานในพื้นที่มานาน และเคยปฏิบัติราชการสนามเป็นผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี ทำให้ทราบว่าปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาที่คนชายแดนใต้หนักใจมากที่สุด มากยิ่งกว่าปัญหาความไม่สงบเสียอีก เพราะยาเสพติดระบาดหนักมาก คนในพื้นที่กังวลว่าเยาวชนซึ่งเป็นลูกหลานจะติดยากันหมด ทั้งยังเชื่อว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐบางหน่วย บางคนอยู่เบื้องหลังขบวนการค้ายาอีกด้วย

ความห่วงกังวลของประชาชนที่ปลายด้ามขวาน สะท้อนผ่านการปฏิบัติศาสนกิจ หรือแม้แต่ไปแสวงบุญที่มักกะฮ์ ซาอุดิอาระเบีย พี่น้องมุสลิมยังขอพรต่ออัลลอฮ์ ให้ลูกหลานไม่ตกเป็นทาสยานรก

เหตุนี้เอง พล.ท.พรศักดิ์ จึงเตรียมมาตรการเชิงรุก กวาดล้างยาเสพติดครั้งใหญ่ โดยประสานข้อมูลกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง กำหนดเป้าหมายการกวาดล้างจุดแพร่ระบาดเอาไว้ 7,000 เป้าหมาย

“พี่ให้ทีมงานเก็บข้อมูลไว้หมด เป้าหมายของทหารมีราวๆ 5,000 เป้าหมาย ของตำรวจอีก 2,000 กว่าเป้าหมาย ก็จะเริ่มจากจุดนี้ ส่งกำลังเข้าไปตรวจตรา กดดัน จับกุม โดยประสานกับ ป.ป.ส. และขอให้ ป.ป.ส.เป็นเจ้าภาพ ดึงภาคประชาสังคมเข้ามาร่วม กำนันผู้ใหญ่บ้านต้องมีบทบาท เดินหน้าแก้ปัญหายาเสพติดในชุมชน โดยมีทหารเป็นกำลังหนุน” บิ๊กเดฟ เล่าถึงแผนงานที่ทำการบ้านมาระยะหนึ่ง

แต่ปัญหาคือ ชาวบ้านเชื่อว่าสาเหตุที่ยาเสพติดยังระบาดได้ และเร่ขายกันเกร่อ ก็เพราะมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง ซึ่งประเด็นนี้ “บิ๊กเดฟ” ยืนยันว่าหากพบจะจัดการขั้นเด็ดขาด

พี่ไม่เก็บไว้แน่ ไม่ว่าหน่วยไหน โดยเฉพาะทหาร ต้องลงโทษอย่างเฉียบขาด ทั้งทางวินัยและอาญา

อย่างไรก็ดี พล.ท.พรศักดิ์ ย้ำว่านโยบายปราบปรามยาเสพติด ไม่ใช่ปฏิบัติการทางทหาร แต่ถือเป็นงานการเมืองอย่างหนึ่ง ที่เชื่อว่าจะได้รับการสนับสนุนจากพี่น้องประชาชน องค์กรภาคประชาสังคม และเอ็นจีโอ

“พี่คิดว่าเรื่องนี้ไม่มีใครค้าน เพราะทุกคนเห็นปัญหาตรงกันหมด โพลล์ที่เคยสำรวจก็ชัดเจนว่าปัญหาที่คนในพื้นที่หนักใจมากที่สุดคือยาเสพติด ไม่ใช่ความไม่สงบ แต่การทำงานไม่ได้ใช้ทหารนำ จะใช้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ภาคประชาสังคม ส่วนทหารเป็นกองหนุน ฉะนั้นกำลังและอาวุธที่ใช้ต้องปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ เพราะไม่ได้ไปรบ แต่ไปทำงานในชุมชน เพื่อให้พี่น้องประชาชนอุ่นใจ” บิ๊กเดฟ อธิบาย

การมุ่งจัดการกับปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดเป็นอันดับแรก ไม่ได้หมายความว่านโยบายของแม่ทัพภาคที่ 4 คนใหม่ให้น้ำหนักกับเรื่อง ภัยแทรกซ้อนไฟใต้” ว่าเป็นเหตุปัจจัยสำคัญที่สุดของสถานการณ์ความไม่สงบตลอดเกือบ 15 ปีที่ผ่านมา เพราะเรื่องนี้ทีมงานของ พล.ท.พรศักดิ์ ยืนยันว่า “บิ๊กเดฟ” เข้าใจปัญหาภาคใต้เป็นอย่างดีว่ามีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย ทั้งแนวคิดแบ่งแยกดินแดน การต่อต้านรัฐไทย รวมไปถึงปัญหาทางการเมือง เศรษฐกิจ และภัยแทรกซ้อนจากยาเสพติดและธุรกิจผิดกฎหมาย

“เนื้องานในส่วนไหนที่ดีอยู่แล้วก็จะสานต่อ เพราะอดีตแม่ทัพทุกท่านก็เป็นรุ่นพี่ และมีจุดเด่นของแต่ละคน ส่วนเรื่องกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขก็พร้อมสนับสนุนเพราะเป็นนโยบายของรัฐบาล” บิ๊กเดฟ ย้ำ

ในส่วนของงานรักษาความปลอดภัยพื้นที่ แม่ทัพภาคที่ 4 คนใหม่บอกว่า จะปรับระบบการลาดตระเวนของฝ่ายกองกำลังทั้งหมด

ทหารต้องไม่ขี้เกียจ ไปไหนก็นั่งแต่รถ เสร็จแล้วก็กลับมานอนฐาน หลังจากนี้ต้องเอาใหม่ ต้องเน้นการลาดตระเวนเดินเท้า ค่ำไหนนอนนั่น นอนใกล้ๆ หมู่บ้านของชาวบ้านเพื่อช่วยรักษาความปลอดภัย ถ้าทหารไปอยู่ใกล้ๆ หมู่บ้าน คนร้ายที่ไหนจะกล้าไปอยู่บิ๊กเดฟ บอก

ในทางยุทธการ มีการพูดกันมานานว่า การออกลาดตระเวนโดยรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์เป็นวงรอบในเส้นทางเดิมๆ ทำให้กำลังพลกลายเป็นเป้าโจมตีของคนร้าย เพราะวางแผนก่อเหตุได้ง่าย ทั้งที่จริงๆ แล้วคนร้ายก็ไม่เก่งกว่าเจ้าหน้าที่

แต่มาตรการเฝ้าระวังป้องกันเหตุรุนแรงไม่สามารถพึ่งพาแค่เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองเท่านั้น เพราะภาคประชาชนต้องเป็นกำลังสำคัญในการดูแลพื้นที่ของตนเอง

เรื่องนี้ พล.ท.พรศักดิ์ มีแนวคิดผลักดันให้กองกำลังภาคประชาชนมีบทบาทมากยิ่งขึ้น โดยจะดูแลเรื่องค่าตอบแทนและสวัสดิการผ่านโครงการจ้างงานเร่งด่วน 4,500 บาทของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) แต่เมื่อสนับสนุนทั้งงบประมาณและเครื่องมือเครื่องไม้แล้ว ก็ต้องมีการคาดโทษกันด้วยหากปล่อยให้เกิดเหตุรุนแรงขึ้นในพื้นที่รับผิดชอบ

เราพร้อมสนับสนุนให้หมด ทั้งเงินทั้งอุปกรณ์ แต่ถ้าปล่อยให้มีเหตุเกิดขึ้นก็ต้องรับผิดชอบ ขีดเส้นเป็นรัศมี 2 กิโลฯ พื้นที่นี้ใครดูแลต้องเปลี่ยนทั้งหมด บิ๊กเดฟ กล่าว และว่าในส่วนของมาตรการปิดล้อม ตรวจค้น จะดำเนินการเท่าที่จำเป็น รวมทั้งเคารพสิทธิมนุษยชนอย่างเคร่งครัด การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่้ฝ่ายกองกำลังต้องเป็นไปตามขั้นตอน และมีหลักฐานชี้แจงได้ทุกเหตุการณ์

ในห้วงที่สถานการณ์ไฟใต้ขยับเข้าสู่โหมด พูดคุยเพื่อสันติสุข” บทบาทของภาคประชาสังคมย่อมมีสูงมาก ซึ่งในมิตินี้ พล.ท.พรศักดิ์ บอกว่า พร้อมทำงานร่วมกับภาคประชาสังคมทุกกลุ่ม รวมไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับงานพัฒนาอย่างศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เพื่อขับเคลื่อนภารกิจดับไฟใต้ในทุกมิติให้ประสบความสำเร็จ