นมทางเลือก พรีเมียมจากแล็บดีเอ็นเอ

นมทางเลือก พรีเมียมจากแล็บดีเอ็นเอ

อ็มมิลค์ (mMilk) ผลิตภัณฑ์นมทางเลือกโดยบริษัท แมรี่แอน แดรี่ โปรดักส์ จำกัด เดินหน้าสร้างนวัตกรรมอย่างต่อเนื่องหวังเปิดตลาดใหม่ในกลุ่มผู้ที่แพ้นมวัว เริ่มจากนมไร้น้ำตาลแลคโตสในบรรจุภัณฑ์ทรงสี่เหลี่ยมฝาสีดำตามมาด้วยนมไร้โปรตีนชนิดย่อยยากที่ทำให้ท้องอื

ผลิตภัณฑ์จากความร่วมมือระหว่างภาคธุรกิจเอกชนกับนักวิจัย ได้รับการสนับสนุนจากอุทยานวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เตรียมลุยตลาดจีนและกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน ตั้งเป้าสร้างยอดขาย 150 ล้านในปี 2562

A2+ ผลิตภัณฑ์นมไม่แพ้

คนไทยบริโภคนมประมาณ 14 ลิตรต่อคนต่อปี และกว่า 30% ของประชากรไทยมีอาการแพ้ที่แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือ แพ้น้ำตาลแลคโตสและแพ้โปรตีนในนม ดังนั้น เพื่อแก้ปัญหาให้คนกลุ่มนี้ ทางผู้ประกอบการจึงเดินเข้าไปปรึกษาอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และได้พบกับ ศ.มนต์ชัย ดวงจินดา คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มาช่วยแก้โจทย์ ซึ่งศึกษาพบว่า น้ำนมโคประกอบด้วยโปรตีนเอวัน (A1) และเอทู (A2) ผสมกัน

A1 เป็นโปรตีนที่มีโมเลกุลใหญ่จะไปขัดขวางระบบการย่อย ทำให้ท้องอืด เกิดการแพ้ ในการวิจัยจึงมุ่งหาเทคนิคสกัดแยกโปรตีนตัวนี้ออกมาจากน้ำนม ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ซับซ้อน ต่อมาเมื่อทำการศึกษาเชิงลึกจึงมุ่งแก้ไขตั้งแต่ต้นทางคือ การค้นหาแม่พันธุ์โคนมที่ผลิตน้ำนมซึ่งมีเพียงโปรตีนเอ2 เท่านั้น โดยการเก็บตัวอย่างเลือดมาตรวจวิเคราะห์ด้วยเทคนิคทางดีเอ็นเอขั้นสูงเพื่อคัดเลือกให้ได้แม่พันธุ์เป้าหมาย จากนั้นนำไปส่งเสริมการเลี้ยงและขยายฝูงให้มีจำนวนเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ได้น้ำนมที่ปลอดจากโปรตีนก่ออาการแพ้ในปริมาณมาก

เอ็มมิลค์ชนิดเอทูพลัส จึงเกิดขึ้นโดยเป็นนมที่ดูดซึมได้เร็ว สบายท้อง ที่สำคัญคือปราศจากโปรตีนชนิดที่ก่อให้เกิดการแพ้ และยังเพิ่มคุณสมบัติการเป็นนมน้ำตาลแลคโตส 0% สำหรับผู้ที่มีปัญหาในการย่อยน้ำตาลแลคโตสในนม เปิดโอกาสให้คนไทยได้รับประทานผลิตภัณฑ์แปรรูปจากโคนมที่มีคุณภาพสูงและราคาไม่แพงอีกด้วย

ด้านนายวสันต์ จีนหลง ที่ปรึกษาบริษัท แมรี่แอนฯ กล่าวว่า เอ็มมิลค์เหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัว โดยเฉพาะผู้ที่แพ้น้ำตาลแลคโตส ผู้สูงอายุและเด็ก ในขณะเดียวกันก็เหมาะกับกลุ่มคนรักสุขภาพ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ เพราะต้นทุนของนมทางเลือกนี้สูงกว่านมปกติ 20% ขณะที่ต้นทุนการแปรรูปสูงกว่าปกติ 30%

“การตลาดของเรามุ่งไปที่โซเชียลมีเดีย ซึ่งเป็นที่ๆ มีการรวมกลุ่มคนรักสุขภาพหรือคนที่มองหาผลิตภัณฑ์เฉพาะกลุ่ม ในขณะเดียวกัน เกษตรกรโคนมในเครือก็จะเป็นผู้ที่สื่อสารให้เราด้วย เพราะสามารถขายน้ำนมในราคาสูงขึ้น”

ตลาดเฉพาะมูลค่าสูง

mMilk นับเป็นผู้บุกเบิกตลาดนมน้ำตาลแลคโตส 0% ที่ปัจจุบันถือส่วนแบ่งตลาดถึง 80% หรือราว 160 ล้านบาทจากตลาดรวมของนมน้ำตาลแลคโตส 0% มูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท และตั้งเป้าที่จะโต 3 เท่า หรือ 500 ล้านบาทในปี 2562 ในขณะที่นมชนิดเอทูพลัสซึ่งยังไม่มีนมทางเลือกแบบนี้ และมีกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้ออยู่ จึงตั้งเป้าจะสร้างรายได้ 150 ล้านบาทในปี 2562 โดยจะเป็นตลาดในประเทศ 80% และต่างประเทศ 20% โดยเฉพาะ จีนและกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านใน CLMV คือประเทศ กัมพูชา ลาว เมียนมาและเวียดนาม 

ปัจจุบัน บริษัทมีโคนมชนิดเอทูอยู่ 2,600 ตัว ผลิตน้ำนมได้ 10 ตันต่อวัน และมีแผนที่จะขยายจำนวนเป็น 1 หมื่นตัว เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตน้ำนมให้ได้ 100 ตันต่อวัน รองรับการขยายตลาด

“เรายังคงเน้นการวิจัยและพัฒนา โดยเฉพาะการร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์นวัตกรรมออกสู่ตลาด เนื่องจากเห็นผลการตอบรับและความน่าเชื่อถือ ทำให้เรามีนโยบายที่จะมีผลิตภัณฑ์ใหม่จากการวิจัยและพัฒนาปีละอย่างน้อย 1 ตัวโดยมีงบวิจัยและพัฒนาในปีนี้เพิ่มขึ้น 10-15% จากปี 2560 ที่มีงบวิจัย 10 ล้านบาท” นายวสันต์ กล่าว

นอกจากนี้ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นและบริษัทแมรี่แอนฯ ยังได้ลงนามความร่วมมือทางวิชาการและการวิจัยจัดตั้งศูนย์สาธิตและฝึกอบรมการเลี้ยงโคนมขึ้น โดยพัฒนาให้เป็นสถานีฝึกอบรม การวิจัยด้านโคนม และ การแปรรูปน้ำนมเพื่อสุขภาพ โดยใช้นวัตกรรมจากผลงานของมหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อให้เกิดความยั่งยืนและก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านการผลิตนมเพื่อสุขภาพต่อไปในอนาคต