บอร์ด ปตท.อนุมัติจ่ายปันผล 80 สต.ต่อหุ้น ในวันที่ 26 ต.ค.นี้

บอร์ด ปตท.อนุมัติจ่ายปันผล 80 สต.ต่อหุ้น ในวันที่ 26 ต.ค.นี้

บอร์ด ปตท.อนุมัติจ่ายปันผล 80 สต.ต่อหุ้น ในวันที่ 26 ต.ค.นี้ ยังไม่สรุปเลือกพันธมิตรร่วมลงทุนโครงการไฮสปีดเทรนเชื่อม 3 สนามบิน คาดชงบอร์ด ต.ค.นี้ ชี้ขาดร่วมประมูล

นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) หรือ ปตท. เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด ปตท.) ครั้งที่ 9/2561 วานนี้(28ก.ย.) มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลประกอบการครึ่งแรกของปี2561 ให้แก่ผู้ถือหุ้นของปตท. ในอัตรา 0.80 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 22,850 ล้านบาท หรือคิดเป็น 32.9% ของกำไรสุทธิของงบการเงินรวม

โดยกำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 12 ต.ค.2561 และให้รวบรวมรายชื่อตามมาตรา 225 ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์โดยวิธีปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันที่ 11 ต.ค. 2561 และกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 26 ต.ค.2561

แหล่งข่าวจากคณะกรรมการบริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) หรือ บอร์ด ปตท. กล่าวว่า ที่ประชุมบอร์ด ปตท.ยังไม่การพิจารณาถึงการเข้าร่วมประมูลโครงการรถไฟความเร็วสูง(ไฮสปีดเทรน) เชื่อม 3 ท่าอากาศยานในเขตกรุงเทพฯ และระเบียบเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) คือ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานอู่ตะเภา แบบไร้รอยต่อ เนื่องจากยังไม่ได้ข้อสรุปเรื่องการเลือกพันธมิตรร่วมลงทุน ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนเจรจา และการลงทุนดังกล่าวถือเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก จึงต้องศึกษาและพิจารณาข้อมูลอย่างรอบครอบ โดยคาดว่าจะนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมบอร์ดปตท.รอบต่อไปในเดือนต.ค.นี้

ขณะเดียวกัน การประชุมบอร์ดครั้งนี้ ทาง บริษัท ปตท.จำหน่ายก๊าซธรรมชาติ จำกัด (PTTNGD) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของปตท.ที่ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายก๊าซผ่านท่อย่อยตามในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ได้นำเสนอกลยุทธ์การดำเนินงานที่จะต้องมุ่งเน้นการแข่งขันให้มากขึ้น หลังจากภาครัฐได้เปิดแข่งเสรีในกิจการก๊าซธรรมชาติ

นอกจากนี้ นายชาญศิลป์ ยังได้แสดงวิสัยทัศน์ต่อบอร์ด ปตท.ครั้งแรก หลังจากเข้าดำรงตำแหน่ง CEO ปตท.อย่างเป็นทางการ โดยจะสานต่อการดำเนินงานตามกลยุทธ์ของ ปตท. ที่ได้วางไว้จากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งจะปรับปรุงการทำงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์และความท้าทายต่างๆ ทั้งปัจจุบันและอนาคต ผ่านนโยบาย “CHANGE for Future of Thailand 4.0” มีองค์ประกอบ 6 ด้าน ได้แก่
1.Continuity สานต่อเพื่อความต่อเนื่อง เตรียมพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยกำหนดยุทธศาสตร์สำหรับการดำเนินธุรกิจแบบ 3D คือ Do now, Decide now และ Design now

2.Honesty ความซื่อสัตย์ ความเที่ยงธรรม ผู้บริหารและพนักงานทุกคน ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ และดำเนินการอย่างมีจริยธรรมนำธุรกิจ คำนึงถึงประโยชน์ของผู้มีส่วนได้เสียอย่างสมดุล

3.Alignment ขยายความร่วมมือ เพิ่มความมั่นคงและยั่งยืน ใช้ความเข้มแข็งจากภายใน ปตท. และบริษัทในกลุ่ม ปตท. สร้างพลังร่วมเพื่อบูรณาการความเชี่ยวชาญ กระจายโอกาสการเติบโตออกสู่สังคมภายนอก

4.New Innovation Solution สร้างสรรค์สิ่งดีและสิ่งใหม่ หาธุรกิจที่เป็นเส้นทางสู่ความสำเร็จใหม่ (New S-Curve) ของ ปตท. โดยนำเทคโนโลยี นวัตกรรม และแนว ความคิดใหม่ มาสรรค์สร้างให้เกิดการลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพ เช่น การที่ ปตท.ได้ลงนามความร่วมมือ(MOU)กับ กรุงเทพธนาคม เพื่อพัฒนากรุงเทพฯ เมืองอัจฉริยะด้านพลังงานและดิจิทัลเทคโนโลยี,ปตท.MOU องค์การเภสัชกรรม(อภ.) ศึกษาผลิตยาไบโอฟาร์มาต้านมะเร็ง ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนและนำเสนอบอร์ดปตท.พิจารณารูปแบบการลงทุนได้ในเดือนธ.ค.นี้

5.Good Governance กำกับดูแลดี มีประสิทธิภาพ ยึดมั่นการดำเนินงานตามหลักธรรมาภิบาล เน้นความโปร่งใส เที่ยงตรง เป็นธรรม และตรวจสอบได้ โดยปรับปรุงบทบาทในการกำกับดูแลบริษัทที่ ปตท. ถือหุ้นทั้งทางตรงและทางอ้อมให้มีประสิทธิผลมากขึ้นและคำนึงถึงผลประโยชน์ภาพรวมของกลุ่ม ปตท. ตลอดทั้งสายโซ่ธุรกิจ เพื่อรักษาความมั่นคงและมั่งคั่งทั้งในเรื่องของธุรกิจพลังงานและปิโตรเคมีที่สำคัญกับประเทศต่อไป และ6.Excellence Team Work สร้างคนรุ่นใหม่ พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง มุ่งพัฒนาพนักงานทุกรุ่นให้สามารถทำงานร่วมกันเป็นทีม มีศักยภาพ ความกล้า และพร้อมรับสภาวการณ์ที่เปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ยังต้องเป็นคนกล้าที่จะก้าวข้ามความเปลี่ยนแปลงและความท้าทายใหม่ๆ