ป.ป.ท.เผยสอบคดีโกงงบคนจนคืบหน้า 80%

เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2561 พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ท) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการตรวจสอบข้อเท็จจริงการใช้จ่ายงบประมาณประจำปี 2560 คดีทุจริตเงินอุดหนุนเงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้มีรายได้น้อยและผู้ไร้ที่พึง ของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ 76 จังหวัดวงเงินงบประมาณ 265 ล้านบาทว่า ขณะนี้ยังไม่มีการเสนอใช้มาตรา 44 ดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม แต่ใช้มาตรการทางวินัยเอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐกว่า 300 รายไปแล้ว ส่วนการตรวจสอบแล้วเสร็จไปแล้ว 80เปอร์เซ็นต์ จำนวน 28 ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง ส่วนอีก 21ศูนย์ฯยังไม่แล้วเสร็จเนื่องจากติดขัดข้อกฎหมาย เอกสาร หลักฐานอีกทั้งยังมีคดีอื่นๆที่สำคัญเร่งรัดเข้ามา

นอกจากนี้ จากการหารือกับทางอัยการได้ระบุว่าในการไต่สวนข้อเท็จจริงทั้งหมดคณะอนุกรรมการฯจะต้องสอบปากคำพยานที่ปรากฎชื่อในฎีกาทุกราย ซึ่งบางจังหวัดพบรายชื่อผู้เกี่ยวข้องในฎีกากว่า 1,000 รายชื่อ แต่ที่สำหรับจังหวัดที่มีการไต่สวนเสร็จสิ้นและเป็นคดีแรกที่จะอยู่ในขั้นตอนการชี้มูลความผิดกับเจ้าหน้าที่โดยมีการสอบปากคำพยานไปกว่า 600 ปากคือ จ.กาฬสินธุ์

พ.ท.กรทิพย์ กล่าวว่า สำหรับคดีทุจริตเงินอุดหนุนสงเคราะห์ครอบครัวผู้มีรายได้น้อยหรือโกงงบคนจนนั้นจากการทำคดีในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาสรุปได้ว่าพบความผิดปกติการเบิกจ่ายงบประมาณใน 67 จังหวัด งบประมาณ 129 ล้านบาท ส่วนอีก 9 จังหวัดประกอบด้วย นครศรีธรรมราช ปราจีนบุรี สิงห์บุรี อุตรดิตถ์ แพร่ สุโขทัย นครสวรรค์ นนทบุรีและฉะเชิงเทรา ไม่พบความผิดปกติ

จากการขยายผลการตรวจสอบ 9 หน่วยงานพบความผิดปกติในการจัดซื้อผ้าห่มในนิคมสร้างตนเอง 6 แห่ง สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง 1 แห่ง ศูนย์พัฒนาชาวเขา 1 แห่ง ศูนย์ประสานงานโครงการหมู่บ้านสหกรณ์ 1 แห่ง งบประมาณ 134 ล้านบาท รวมวงเงินงบประมาณ 264 ล้านบาท

“จากการขยายผลการตรวจสอบเพิ่มเติมใน 28หน่วยงานพบความผิดปกติในการเบิกจ่ายงบประมาณ 7 หน่วยงาน คือ ศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูง 3 จังหวัด คือ.เพชรบุรี ,แพร่ และราชบุรี นิคมสร้างตนเอง 3 จังหวัด คือ นิคมสร้างตนเองลำโดมใหญ่ จ.อุบลราชธานี นิคมสร้างตนเองรัตภูมิ จ.สงขลาและนิคมสร้างตนเอง จ.ยะลา งบประมาณ 41 ล้านบาท โดยระหว่างนี้ป.ป.ท.อยู่ระหว่างการตรวจสอบ 21หน่วยงาน รวมตรวจสอบทั้งสิ้น 113 หน่วยงานจากทั้งหมด 151 หน่วยงาน และขณะนี้บอร์ดฯป.ป.ท.มีมติรับไว้ไต่สวนข้อเท็จจริงแล้ว 65 คำสั่ง”พ.ท.กรทิพย์ กล่าว

สำหรับความคืบหน้าในการไต่สวนคดีทุจริตรับฝากข้าวในโครงการรับจำนำข้าวนั้น เลขาฯป.ป.ท.ยอมรับว่า คดีมีความล่าช้าในเรื่องการตรวจสอบเอกสารและสอบ ปากคำพยานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเจ้าหน้าที่อคส.ไม่ส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องให้ประกอบการพิจารณา นอกจากนี้ยังพบว่าลูกจ้างอคส.หลายคนย้ายที่ทำงาน จึงเป็นปัญหาในการตามพยาน แต่ป.ป.ท.ตั้งเป้าว่าคดีทั้งหมดที่เกี่ยวเกี่ยวพันในโครงการทุจริตรับจำนำข้าวกว่า 900 คดีจะเสร็จภายในสิ้นปี 2561