ศาลตัดสินคดีนกฮูก สั่งจำคุก 'พ.ต.ท.' 3ปี ให้เยียวยาเหยื่อ1แสน

ศาลตัดสินคดีนกฮูก สั่งจำคุก 'พ.ต.ท.' 3ปี ให้เยียวยาเหยื่อ1แสน

คดีฉาวค้ากาม "แก๊งนกฮูก" แม่ฮ่องสอน ศาลตัดสินจำคุก 3 ปี "พ.ต.ท.พงษ์นรินทร์" อดีตผบ.ร้อย ตชด.336 พร้อมเยียวยาผู้เสียหาย 1 แสนบาท ผู้ต้องหาที่เหลือจะทยอยตัดสินต่อไป

นางน้ำเพชร เกยพุฒซา มารดาของเด็กสาวที่ถูกบังคับค้าประเวณีให้กับข้าราชการระดับสูงใน จ.แม่ฮ่องสอน หรือที่มีชื่อเสียงโด่งดังเมื่อปีที่ผ่านมาว่าคดีนกฮูก เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2561 เวลา 09.00 น. ศาลจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้ตัดสินคดี หมายเลขดำที่158/2561 จำเลย พ.ต.ท.พงษ์นรินทร์ หรือหลิน พลนำ อดีตผบ.ร้อย ตชด.336 ปางหมู โดยศาลได้ตัดสินพิพากษาลงโทษจำคุก 3 ปี ปรับ 30,000 บาท จำเลยรับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือ 1 ปี 6 เดือน จำเลยชดใช้ค่าสินไหมให้ผู้เสียหายเป็นเหตุบรรเทาโทษ 100,000 บาท พร้อมทั้งจำเลยไม่เคยมีประวัติอาชญากรรม และประพฤติตนดี ศาลจึงให้รอลงอาญา 2 ปี ปรับ 10,000 บาท สำหรับอดีต ผบ.ร้อย ตชด.336 ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งให้ออกจากราชการ ตั้งแต่โดนออกหมายจับแล้ว ตอนนี้ ต้องทำเรื่อง ขอกลับเข้ารับราชการคืน แต่ไม่รู้ว่าจะได้หรือไม่ เพราะเป็นคดีอาญา

สำหรับคดีนกฮูก พอเราไปร้องที่อัยการสูงสุด มีความเห็นสั่งฟ้อง ผู้ต้องหารับสารภาพ เยียวยา น้องผู้เสียหาย 1 แสนบาท คนอื่น อัยการแม่ฮ่องสอน ยังไม่ส่งฟ้อง แต่อัยการสูงสุด มีคำสั่งให้ฟ้องแล้ว ตำรวจ 3 คน รับสารภาพแล้ว ศาลสืบคดียังไม่แล้วเสร็จในคดีค้ามนุษย์ ส่วนคดีที่ 2 จะตัดสิน วันที่ 18 ตุลาคม 2561 นี้ ที่ศาลอาญา กรุงเทพฯ

นางน้ำเพชร กล่าวต่อว่า ส่วนคดีละเว้นปฏิบัติหน้าที่ มาตรา 157 มี พล.ต.ต.ปรีชา วิมลไชยจิต ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดแม่ฮ่องสอน กับพวก ก่อนหน้านั้นได้ทำเรื่องร้องเรียนไปยังกองบังคับการกองปราบปรามที่กรุงเทพมหานคร ต่อมาทางกองปราบได้ ส่งมาฟ้องที่อัยการแม่ฮ่องสอน ส่วนคดีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ มาตรา 157 ของนายสืบศักดิ์ เอี่ยมวิจารณ์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน กับอัยการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เรื่องยังอยู่ที่ ปปช.กรุงเทพ และนอกจากนั้น คดีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ มาตรา 157 ได้มีการฟ้องอัยการจังหวัด แม่ฮ่องสอน จะมีอีกรอบ ที่ไม่สั่งฟ้อง คดีผู้ใช้บริการ

นายบุญฤทธิ์ นิปวณิชย์ ประธานสหพันธ์ปลัดอำเภอแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า คดีเจ้าหน้าที่ของรัฐเกี่ยวข้องกับการบังคับให้เด็กผู้หญิงขายบริการทางเพศ เหตุเกิดที่อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ประมาณต้นปี 2560 มีคำถาม ว่าเหตุใดผู้ต้องหาจำนวนหลายราย เมื่อมีการสอบสวน และส่งสำนวนคดีต่อพนักงานอัยการ ที่แม่ฮ่องสอน แต่พนักงานอัยการกลับมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องคดี และได้มีการร้องต่ออัยการสูงสุด และกลับมีความเห็นสั่งฟ้องคดี และเมื่อคดีขึ้นสู่ศาล จำเลยให้การรับสารภาพ จึงถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับการใช้ดุลยพินิจของเจ้าพนักงาน หรือเป็นการปกป้องผู้เสียหายในคดีเพราะหลักฐานไม่พอ ซึ่งตนจะได้สอบถามไปยังอัยการสูงสุดต่อไป เพราะการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กผู้หญิงเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมากที่กระต่อมนุษยธรรม และจะได้แจ้งต้อหน่ายงานระดับสากลให้ช่วยตรวจสอบต่อไป