จับสัญญาณวาทะกรรมผู้นำโลกบนเวทียูเอ็น

จับสัญญาณวาทะกรรมผู้นำโลกบนเวทียูเอ็น

การประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นจีเอ)ครั้งที่ 73 ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงนิวยอร์ก ของสหรัฐเมื่อวันอังคาร (25ก.ย.)ตามเวลาท้องถิ่น ถือเป็นเวทีโชว์วิสัยทัศน์และมุมมองต่อโลกของเหล่าผู้นำสำคัญๆ มาดูกันว่าผู้นำเหล่านี้กำลังบอกอะไรกับเรา

เริ่มจากนายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่แสดงความวิตกกังวลถึงสถานการณ์ในปัจจุบัน ซึ่งโลกกำลังเผชิญกับความวุ่นวาย โกลาหล และไร้ระเบียบเพราะผลพวงจากภัยคุกคามรอบด้าน ทั้งความเชื่อมั่นต่อองค์กรสากลที่กำลังถดถอย  ผู้คนเริ่มมีความไว้วางใจกันน้อยลง เกิดการแบ่งขั้วทางความคิด รวมทั้งปัญหาการก่อการร้าย และการละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศต่างๆ ทำให้ความร่วมมือระหว่างประเทศกลายเป็นเรื่องยากลำบาก และเกิดความเสี่ยงที่จะเผชิญหน้ากันมากขึ้น 

นอกจากนี้ เลขาฯ ยูเอ็นยังเรียกร้องให้ผู้นำชาติต่างๆหันมาให้ความสำคัญกับปัญหาที่เกิดขึ้นและจับมือกันเพื่อรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยในโลกให้คงอยู่ต่อไป

     ด้านโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ กล่าวปกป้องนโยบายการค้าของสหรัฐ ด้วยการประกาศว่า สหรัฐจะดำเนินการบนผลประโยชน์ของประเทศ พร้อมชื่นชมความสำเร็จของรัฐบาลในการสร้างความแข็งแกร่ง มั่งคั่ง และความปลอดภัยให้กับชาวอเมริกัน รวมถึงความร่วมมือกับนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ในการปลดอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี และการถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ตลอดจนการทำการเจรจาการค้าครั้งใหม่กับประเทศคู่ค้า เพื่อปรับปรุงข้อตกลงเดิมที่สหรัฐถูกเอารัดเอาเปรียบก่อนหน้านี้

ในโอกาสนี้ ปธน.ทรัมป์ ได้กล่าวโจมตีกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ว่า กำลังขูดรีดชาวโลก แม้ว่าสหรัฐได้ให้การคุ้มครองประเทศในกลุ่มโอเปก โดยพาดพิงถึงการประชุมระหว่างโอเปกและประเทศผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปก รวมถึงรัสเซียเมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งที่ประชุมได้เห็นพ้องคงกำลังการผลิตไว้ที่ระดับปัจจุบัน แม้ว่า สหรัฐพยายามเรียกร้องให้โอเปกเพิ่มปริมาณการผลิตเพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน

นอกจากนี้ ประธานาธิบดีสหรัฐ ยังกล่าวโจมตีอิหร่านว่า กำลังหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความวุ่นวาย ความโกลาหล ความตาย และหายนะในภูมิภาคตะวันออกกลาง พร้อมขอความร่วมมือให้ประเทศต่างๆ เข้าร่วมกับสหรัฐในการคว่ำบาตรอิหร่าน ทั้งยังเตือนไปถึงซีเรียให้ยุติการใช้อาวุธเคมีเพราะสหรัฐจะไม่เพิกเฉยต่อการกระทำดังกล่าวอย่างแน่นอน

ขณะที่ประธานาธิบดีฮัสซัน โรฮานี ของอิหร่าน วิพากษ์วิจารณ์มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐต่ออิหร่านว่าเป็น การก่อการร้ายทางเศรษฐกิจ เพื่อโค่นอำนาจรัฐบาลอิหร่าน พร้อมยืนยันว่า จะไม่ร่วมการเจรจาใดๆกับรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งกำลังปลุกเร้าให้ประชาคมโลกร่วมกันโดดเดี่ยวอิหร่าน

นอกจากนี้ นายรูฮานี ยังกล่าวหาปธน.ทรัมป์ แม้ว่าจะไม่มีการระบุชื่อโดยตรงว่า “ผู้ที่มีแนวคิดเป็นปฎิปักษ์ต่อแนวคิดพหุภาคีนิยมแสดงให้ถึงการขาดสติปัญญา การเผชิญหน้ากับแนวคิดพหุภาคีนิยม ไม่ได้แสดงถึงความแข็งแกร่ง แต่เป็นอาการของความอ่อนแอด้านสติปัญญามากกว่า ทั้งยังเป็นการทรยศต่อความสามารถในการทำความเข้าใจโลกที่ซับซ้อนและเชื่อมต่อกันได้”

ด้านนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ให้คำมั่นว่า รัฐบาลญี่ปุ่นจะส่งเสริมระบบการค้าเสรีต่อไป รวมทั้งจะผลักดันข้อตกลงการค้าพหุภาคี อาทิ ความตกลงพันธมิตรทางการค้าระดับภูมิภาค (อาร์เซป) ในภูมิภาคเอเชีย