"อธิบดีกรมศิลปากร" รุดตรวจเจดีย์ถล่มอีกรอบ เร่งหาสาเหตุการทรุดตัวของเจดีย์ และหามาตรการเร่งด่วนป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายเพิ่มเติม
จากกรณีเหตุหอระฆัง (เจดีย์ยักษ์) เก่าในยุครัชกาลที่ 3 ภายในวัดพระยาทำวรวิหาร ถ.อรุณอัมรินทร์ ทรุดตัวทับคนงานระหว่างงานซ่อมบูรณะจนได้รับบาดเจ็บ 8 ราย อาการสาหัส 3 ราย เสียชีวิต 1 ราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 25 กันยายน ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อ 11.00น. วันที่ 26 กันยายน นายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร พร้อม นายอารักษ์ สังห์ตกุล อดีตอธิบดีกรมศิลป์ ลงพื้นที่ตรวจสอบรอบบริเวณเจดีย์ต่อจากเมื่อวานนี้
นายอนันต์ กล่าว ในที่ประชุมมีการหาแนวทางถึงการหาสาเหตุการทรุดตัวของเจดีย์ และ หามาตรการเร่งด่วนที่จะป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายเพิ่มเติม รวมถึงการอนุรักษ์ปฏิสังขรณ์ โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตนได้หารือกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า จะทำการคุ้มครองอย่างไร พร้อมได้ระดมวิศวกรเพื่อหาแนวทางค้ำยันเจดีย์ไม่ให้เสียหายมากกว่านี้ และจะปฏิสังขรณ์ต่อไป ซึ่งตนได้เร่งให้ดำเนินการได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม วิศวกรที่รับงานนี้มีประสบการณ์ด้านการยกสิ่งปลูกสร้างมาแล้ว แต่คงต้องตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้งว่าเหตุเกิดจากความประมาท หรือ เป็นเหตุสุดวิสัย ซึ่งตอนนี้เริ่มเห็นชัดแล้วว่ามีบางอย่างที่ไม่ปกติ
ด้าน นายอารักษ์ อดีตอธิบดีกรมศิลป์ กล่าวว่า ขณะนี้ตัวฐานที่รองรับองค์เจดีย์มีความลาดเอียง ทำให้มีโอกาสที่จะล้มได้ จึงจะทำการค้ำยันก่อนและค่อยเสริมความแข็งแรง อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถคืนสภาพเจดีย์ดังเดิมได้ทั้งหมดแล้ว ต้องดำเนินการด้านโครงสร้างทั้งหมด รวมถึงจัดทำรูปปูนปั้นใหม่ให้เหมือนเดิมมากที่สุด
นายอารักษ์ กล่าวอีกว่า เบื้องต้นคาดว่าปัญหาเกิดมาจากอุปกรณ์ในระหว่างทำการยกฐานเจดีย์และเกิดการทรุดตัวในเวลาต่อมา ทั้งนี้ แม้จะมีการตรวจสอบอุปกรณ์ตลอดเวลาแต่ก็ไม่อาจหาข้อสรุปได้แน่ชัดว่าสาเหตุเกิดจากอะไร
“ตอนนี้ต้องแก้ปัญหาความลาดเอียงที่ทรุดตัวอยู่ให้กลับมาตั้งตรงแล้วค่อยยกขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งกำลังดำเนินการอยู่ คาดว่าแม่แรงบางตัวเกิดปัญหา เนื่องจากหายไปและหาไม่พบ” อดีตอธิบดีกรมศิลป์ กล่าว
นอกจากนี้ นายอารักษ์ ยังกล่าวถึงการฟื้นฟูสภาพจิตใจของชาวบ้านว่า กรมศิลป์จะเร่งบูรณะเจดีย์โบราณแห่งนี้ให้กลับมาดั่งเดิมให้เร็วที่สุด โดยจะเข้ามาพูดคุยทำความเข้าใจกับชาวบ้านถึงรายละเอียดขั้นตอนดำเนินการต่างๆ