จนท.สแกน 3 มิติ "เจดีย์ยักษ์" ถล่ม ด้านผอ.เขตเตรียมประชุมเยียวยาผู้บาดเจ็บ - เสียชีวิต ด้านตร.เตรียมแจ้งข้อหาผู้ดูแล
จากกรณีเหตุหอระฆัง (เจดีย์ยักษ์) เก่าในยุครัชกาลที่ 3 ภายในวัดพระยาทำวรวิหาร ถ.อรุณอัมรินทร์ ทรุดตัวทับคนงานระหว่างงานซ่อมบูรณะจนได้รับบาดเจ็บ 8 ราย อาการสาหัส 3 ราย เสียชีวิต 1 ราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 25 กันยายน ที่ผ่านมา
ความคืบหน้า เมื่อเวลา 09.20 น. วันที่ 26 กันยายน ที่ วัดพระยาทำวรวิหารถนนอรุณอมรินทร์ ซอย 15 เขตบางกอกน้อย กทม. ศาตราจารย์ชัยณรงค์ อธิสกุล รองผอ.โครงการเทคโนโลยีสาขาวิศวกรรมโยธา พระจอมเกล้าธนบุรี พร้อมคณะ นำเครื่องสแกน 3 มิติ(3d scanner) เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ผศ.ดร.ชัยณรงค์ กล่าวว่า วันนี้นำเครื่องสแกน 3 มิติ(3d scanner) มาตรวจสอบและวิเคราะห์สภาพปัจจุบันของเจดีย์ ซึ่งสามารถมองเห็นพิกัดของโครงสร้างได้ชัดเจนมากกว่าตาเปล่าและยังสามารถนำข้อมูลไปวิเคราะห์ได้อย่างละเอียด โดยหลังจากที่ได้ข้อมูลแล้วจะต้องไปประมวลผลฐานคอมพิวเตอร์ เพื่อตรวจสอบความเสี่ยง คาดว่าจะใช้เวลาตรวจสอบครึ่งวันก่อนจะส่งข้อมูลให้กรมศิลปากรต่อไป สำหรับอาคารที่เป็นโบราณสถานแบบก่ออิฐค่อนข้างมีความเสี่ยงที่ผ่านมา เครื่องมือตัวนี้เคยใช้ตรวจสอบโบราณสถานหลายแห่ง ผลเป็นที่น่าพึ่งพอใจ ก่อนที่จะส่งข้อมูลให้กรมศิลปากรต่อไป
ด้าน นายณัฐพงษ์ มีโภคกิจ ผอ.สำนักงานเขตบางกอกน้อย เปิดเผยถึงกรณีพบผู้เสียชีวิตเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 25 กันยายนว่า ช่วงเย็นในวันดังกล่าวที่มีการตรวจสอบยอดคนงานหัวหน้างานระบุว่ามีคนงานทั้งหมด 20 คน ซึ่งผู้บาดเจ็บได้เดินทางไปโรงพยาบาลหมดแล้ว แต่เมื่อตรวจสอบอีกครั้งพบว่าคนงานหายไปหนึ่งคนจึงสั่งให้เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบและก็พบร่างของนายสุริยันต์ ทองสาย คนงานเสียชีวิตในลักษณะนอนคว่ำอยู่บริเวณฐานใกล้กับผู้บาดเจ็บคนสุดท้ายที่ช่วยขึ้นมา ซึ่งเหตุการครั้งนี้คาดว่าเป็นความเข้าใจผิดของผู้คุมงานที่คิดว่าผู้บาดเจ็บไปอยู่โรงพยาบาลหมดแล้ว สำหรับผู้ได้รับบาดเจ็บนั้น มีทั้งหมด 11 ราย โดยบาดเจ็บสาหัส 3 รายคือ นายบุญเสริม แสงประเสริฐ กระดูกใต้สะโพกหัก นายวิลาศ ใจจังหรีด ศีรษะแตก กระดูกขาซ้ายหัก นายสายัน หมื่นวงษ์ แขนขวาใต้ข้อศอกเกือบขาด และมีแผลที่บริเวณหน้าผาก ซึ่งได้รับการผ่าตัดแล้ว ส่วนอีก 4 รายบาดเจ็บเล็กน้อย และอีก 4 รายได้กลับบ้านแล้ว
นายณัฐพงษ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการดำเนินการเยียวยาผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้เสียชีวิตนั้นจะต้องดำเนินการปรึกษากับผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อหาแนวทางในการเยียวยาต่อไป ส่วนการแจ้งความดำเนินคดี กรณีมีผู้เสียชีวิตเป็นเรื่องของทางญาติในเรื่องการดำเนินการ สำหรับสาเหตุของการยุบตัวต้องรอการตรวจสอบอย่างละเอียดซึ่งทางเขตจะไปลงบันทึกประจำวันไว้อย่างไรก็ตาม หอระฆัง (เจดีย์ยักษ์) วัดพระยาทำวรวิหาร เป็นอำนาจการดูแลของกรมศิลปากรในการดำเนินคดี ทั้งนี้ในพื้นที่การดูแลของสำนักงานเขตบางกอกน้อยมีวัด ที่มีความเก่าแก่อยู่ 32 วัด ซึ่งจะส่งให้เจ้าหน้าที่เขตลงพื้นที่สำรวจ เพื่อประเมินและตรวจสอบความปลอดภัย
ด้านร.ต.อ.พีชญา ฮะวังจู รองสว.(สอบสวน) สน.บางกอกน้อย เปิดเผยว่า ในวันนี้ได้มีการนัดให้นางหยาดวนา ประเสริฐสม อายุ 48 ปี เป็นหัวหน้าคนงานบริษัท ฟีเนสซอยด์ เทสติ้ง จำกัด เข้าให้ปากคำกับทางเจ้าหน้าที่ แต่นางหยาดวนาไม่สะดวกเนื่องจากจะขอไปจัดการงานศพให้ลูกน้องก่อน และจะรีบเข้าให้ปากคำให้เร็วที่สุด ขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาบุคคลใครเนื่องจากจะต้องทำการสอบปากคำว่าใครเป็นผู้รับผิดชอบในการคุมงานนี้คาดว่าจะรู้ผลภายใน 1-2 วันนี้ อย่างไรก็ตามหากจะทำการแจ้งข้อกล่าวหานั้น ผู้ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาจะต้องเป็นผู้ที่ดูแลรับผิดชอบคุมงานการก่อสร้างโดยจะแจ้งข้อกล่าว กระทำการโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและได้รับบาดเจ็บสาหัส
จากการสอบถาม ป้าจุก หญิงชราวัย 80 ปี แม่ค้าขายลูกชิ้นทอด หน้าวัดพระยาทำฯ เล่าว่า ถ้าจะถามถึงประวัติความเป็นมาของเจดีย์แห่งนี้ ป้าไม่ทราบแน่ชัดเพราะเกิดไม่ทันต้องถามรุ่นพ่อรุ่นแม่ ซึ่งป้ามีความผูกพันกับสถานที่แห่งนี้มากว่า 60 ปี เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ รู้สึกใจหาย เสียใจจนร้องไห้ เพราะเป็นเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ซึ่งตนมีความเชื่อว่าเหตุร้ายที่เกิดขึ้นนี้มาจากทีมช่างที่มาซ่อมบำรุงไม่มีการบวงสรวงก่อนก็เป็นได้