สหรัฐเล็งขายอาวุธชุดใหม่ให้ไต้หวัน

สหรัฐเล็งขายอาวุธชุดใหม่ให้ไต้หวัน

ขณะนักวิเคราะห์จับสัญญาณสหรัฐทบทวนนโยบายจีนเดียว-ฟื้นสัมพันธ์ไทเป

กระทรวงต่างประเทศสหรัฐ ออกแถลงการณ์เมื่อวันจันทร์ (24ก.ย.) เตรียมขายอาวุธยุทโธปกรณ์ชุดใหม่ให้ไต้หวัน รวมมูลค่า 330 ล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงชิ้นส่วนอะไหล่ของอากาศยานหลายรุ่น เครื่องบินขับไล่เอฟ-16 และเครื่องบินลำเลียงซี-130

การขายอาวุธให้ไต้วัน มีขึ้่นในช่วงเดียวกับที่นักวิเคราะห์ระบุถึงสัญญาณบ่งชี้ว่า รัฐบาลสหรัฐ ของโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังทบทวนนโยบายจีนเดียว ท่ามกลางความตึงเครียดสงครามการค้าระหว่างรัฐบาลวอชิงตันและปักกิ่ง โดยนายมาร์วิน ออต นักวิจัยสถาบันวิจัยนโยบายต่างประเทศ (เอฟพีอาร์อ)ระบุว่า ไต้หวันอาจเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินอนาคตความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐ

นักวิจัยรายนี้ระบุด้วยว่า ความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ ภูมิศาสตร์และประชาธิปไตยของไต้หวัน ทำให้วอชิงตันไม่อาจเพิกเฉยความสัมพันธ์ล่อแหลมระหว่างไต้หวันกับจีนได้ และมีความเป็นไปได้ว่ามีการพิจารณาที่จะปฏิเสธนโยบายจีนเดียวแบบเดิม เมื่อพิจารณาจากท่าทีใหม่ๆของวอชิงตันในยุคประธานาธิบดีทรัมป์ที่มีต่อจีน

การเรียกจีนอย่างเปิดเผยว่า เป็นคู่แข่งทางยุทธศาสตร์ ตลอดจนท่าทีที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน กรณีกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐ ตำหนิสามประเทศในอเมริกากลางคือ ปานามา สาธารณรัฐโดมินิกัน และเอลซัลวาดอร์ ที่ลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวัน และสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐ เสนอร่างกฎหมายให้กระทรวงต่างประเทศ มีอำนาจลดระดับความสัมพันธ์กับประเทศที่ตัดสัมพันธ์กับไต้หวัน และหันไปรับรองจีน

เบื้องหลังความขัดแย้งทางการค้าที่ทวีความดุเดือด ที่หลายฝ่ายมองว่าอาจยืดเยื้อเป็น 10 ปีหรือนานกว่านั้น  ทำให้ไต้หวันขยับขึ้นมามาเป็นศูนย์กลางในสนามช่วงชิงอนาคตของเอเชียอีกครั้งหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม รัฐสภาสหรัฐ มีเวลา 30 วันในการคัดค้านข้อตกลงขายอาวุธให้รัฐบาลไทเป  แต่คาดว่าจะไม่มีปัญหา เพราะกระทรวงกลาโหมสหรัฐ เชื่อว่าไต้หวันจะยังเป็นกองกำลังสำคัญสำหรับเสถียรภาพการเมือง ดุลทางทหาร และความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจในภูมิภาค

การประกาศอนุมัติขายอาวุธที่คาดว่าจะทำให้รัฐบาลปักกิ่งไม่พอใจ มีขึ้นในวันเดียวกับที่มาตรการเก็บภาษีสินค้าจีนที่ส่งออกไปสหรัฐมูลค่า 2.5 แสนดอลลาร์ มีผลบังคับใช้ด้วย