กรมการแพทย์ห่วงสามเณร พระสงฆ์ อ้วนลงพุง

กรมการแพทย์ห่วงสามเณร พระสงฆ์ อ้วนลงพุง

โรงพยาบาลสงฆ์ กรมการแพทย์ ห่วงใยสามเณร พระสงฆ์ พบโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูงรุมเร้า วอนประชาชนถวายอาหารขอให้คำนึงถึงอาหารสุขภาพ ลดหวาน มัน เค็ม ที่ก่อให้เกิดภาวะอ้วน น้ำหนักเกิน และเป็นจุดเริ่มต้นของโรคต่างๆ

นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า โรคที่เป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญ และส่งผลกระทบต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิต รวมทั้งเป็นสาเหตุการตายในอันดับต้นๆ ของประชาชน ได้แก่ โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง โรคความดันโลหิตสูง ซึ่งเป็นโรคเรื้อรังต้องรักษาติดต่อกันนานหรือตลอดชีวิต ผู้ป่วยต้องได้รับยาและติดตามผลการรักษาตามที่แพทย์แนะนำอย่างสม่ำเสมอ ถ้าขาดการควบคุมจะเกิดโรคแทรกซ้อน และอาจทำให้เสียชีวิตได้ จากข้อมูลผู้ป่วยนอกโรงพยาบาลสงฆ์ ระหว่างปี 2558 – 2560 พบว่าพระสงฆ์อาพาธเข้ามารับการรักษาด้วยโรคต่างๆ ได้แก่ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และโรคไขมันในเลือดสูง นอกจากนี้ยังพบว่าภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนมีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากพฤติกรรมการฉันอาหารและการออกกำลังกายที่เปลี่ยนแปลงไป อาจเนื่องจากพุทธศาสนิกชนส่วนใหญ่มักตักบาตรด้วยอาหารสำเร็จรูปที่หาซื้อได้ง่ายและสะดวก ซึ่งอาหารเหล่านั้นประกอบด้วยอาหารที่มีรสหวาน มัน เค็ม หรือมีไขมันมากเกินไป ทำให้พระสงฆ์ไม่มีโอกาสได้เลือกอาหารเพื่อสุขภาพมากนัก จำเป็นต้องฉันอาหารที่ได้รับจากการบิณฑบาต จึงทำให้เกิดภาวะอ้วน น้ำหนักเกิน และจะเป็นจุดเริ่มต้นของโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง และภาวะแทรกซ้อนทางด้านโรคหลอดเลือด ได้แก่ โรคหลอดเลือดหัวใจ  หลอดเลือดสมอง โรคไต

นายแพทย์สมนึก อร่ามเธียรธำรง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสงฆ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากข้อมูลการตรวจคัดกรองสุขภาพพระสงฆ์ สามเณร ในเขตกรุงเทพมหานคร เพื่อคัดกรองและค้นหาปัจจัยเสี่ยงของโรคด้านภาวะโภชนาการเมื่อปี 2559  มีจำนวนพระสงฆ์ สามเณร ที่เข้ารับการตรวจทั้งสิ้น 5,989 รูป พบว่า ค่าดัชนีมวลกายเมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจ ปี 2549 พระสงฆ์ สามเณร ในเขตกรุงเทพมหานคร มีภาวะน้ำหนักเกินเพิ่มขึ้นจากเดิมร้อยละ 13.8 เป็นร้อยละ 15.9 (ค่า BMI อยู่ระหว่าง 23.0 – 24.9 กก.ตร.ม.) และมีภาวะอ้วนเพิ่มขึ้นจากเดิมร้อยละ 18.0 เป็นร้อยละ 41.6 (ค่าBMI มากกว่า 25.0 กก.ตร.ม.)  และเมื่อมีการวัดขนาดเส้นรอบเอวพบว่ามีภาวะอ้วนลงพุงมากขึ้นจากเดิมร้อยละ 14.0 เป็นร้อยละ 24.9 โดยมีเส้นรอบเอวมากกว่า 90 เซนติเมตร โรงพยาบาลสงฆ์จึงได้ถวายความรู้แด่พระสงฆ์ สามเณรที่มีภาวะโภชนาการเกินและมีปัญหาโรคเรื้อรังเป็นระยะ เพื่อให้ได้เรียนรู้วิธีการดูแล ส่งเสริมสุขภาพ เพื่อป้องกันการเกิดโรคแทรกซ้อน  และมีคุณภาพชีวิตที่ดี ทั้งนี้เกณฑ์การวินิจฉัยภาวะกลุ่มอาการอ้วนลงพุงประกอบด้วย 5 ข้อ ดังนี้ 1. เส้นรอบเอวเพศชายมากกว่า 90 เซนติเมตร 2.ผลไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือดมากกว่า  150 เดซิลิตร 3. ดัชนีมวลกายมากกว่า 30 กก.ม2 4. ผลน้ำตาลในเลือดมากกว่า 110 เดซิลิตร 5. ความดันโลหิตมากกว่า 130/85 มิลลิเมตรปรอท อย่างไรก็ตามพุทธศาสนิกชนที่จะถวายอาหารแด่พระสงฆ์ สามเณร ขอให้คำนึงถึงอาหารเพื่อสุขภาพ และลดอาหารหวาน มัน เค็ม ในขณะที่พระสงฆ์สามารถประเมินภาวะอ้วนได้ด้วยตนเองโดยใช้เชือกวัดส่วนสูง แล้วนำมาวัดเส้นรอบเอว ซึ่งเส้นรอบเอวไม่ควรจะเกินครึ่งหนึ่งของส่วนสูง เช่น ส่วนสูง 160 เซนติเมตร รอบเอวไม่ควรเกิน 80 เซนติเมตร ถึงจะไม่อ้วนลงพุง