“อัจฉริยะ” บุก บชน. แฉขบวนการวิ่งเต้นล้มคดียาเสพติดให้ “ดาราสาว เอมี่” ระบุจันทร์ที่ 24 ก.ย.นี้ จะนำพยานหลักฐาน ยื่นพนักงานอัยการเจ้าของคดี เพื่อพิจารณาในการยื่นอุทธรณ์
จากกรณีนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้มาร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อ พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.น. โดยระบุว่าได้รับร้องเรียนจากพลเมืองดีว่าคดียาเสพติด ซึ่งมีนายปุณยวัจน์ หิรัณย์เตชะ และ น.ส.อาเมเรีย หรือเอมี่ จาคอป อดีตมิสทีนไทยแลนด์ ปี 2006 ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวนั้น มีเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายฝ่ายร่วมกันทุจริตในการช่วยเหลือให้น.ส.อาเมเรีย หลุดพ้นคดีร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดในชั้นศาล ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 21 ก.ย. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ได้เดินทางมาที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พร้อมหอบเอกสารหลักฐานมายื่นต่อ พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รอง ผบช.น. หัวหน้าคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อขอเปลี่ยนตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ในสังกัด สน.สายไหม ออกจากคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เนื่องจากจะทำให้การสืบสวนสอบสวนไม่เป็นธรรม เพราะพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีเป็นของ สน.สายไหม ส่วนพยานหลักฐานที่เป็นรายชื่อพยานบุคคล และรายชื่อของคนที่จ่ายเงินต่างๆ วันนี้ก็คงยังไม่มอบให้ พล.ต.ต.สมพงษ์ เพราะหากชื่อหลุดไปแล้ว ทางพ.ต.อ.ทนงศิลป์ มณีโชติ ผกก.สน.สายไหม ทราบ อาจจะทำให้เกิดปัญหา หากพนักงานสอบสวน สน.สายไหม มีส่วนเกี่ยวข้องจริงตามพยานหลักฐานที่ได้มา ผกก. ก็ต้องรับผิดชอบในฐานะผู้บังคับบัญชา ซึ่งหากมาอยู่ในคณะกรรมการก็จะไม่เป็นธรรมสำหรับตน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขบวนการที่กล่าวถึงมีลักษณะเป็นอย่างไร นายอัจฉริยะ กล่าวว่า มีการแบ่งหน้าที่กันทำ ซึ่งพยานหลักฐานมีชัดเจน มีทนายความที่เคยว่าความในคดีนี้ ที่ถูกเลิกจ้างไปหลายคน ซึ่งทนายความคนแรกและคนที่สอง ได้เห็นสำนวนการสอบสวนทั้งหมด เมื่อมีการไปเบิกความในคดีก็จะเห็นว่ามีการเลือกพยานมาเบิกความ สิ่งที่น่าสังเกตคือไม่มีการเบิกความพนักงานสอบสวน สน.สายไหม ไม่ได้ถูกเบิกความในศาล ทั้งนี้ยังมีการช่วยเหลือนายปุณยวัจน์ หิรัณย์เตชะ โดยจ้างตำรวจให้ช่วยลดโทษ เป็นการรับประกันล่วงหน้าว่าหากรับสารภาพเพียงคนเดียวก็จะได้ลดโทษ นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ศาลาแดง เข้ามาเกี่ยวข้องได้อย่างไร ในเมื่อคดีนี้อยู่ที่ สน.สายไหม
ผู้สื่อข่าวถามว่า คดีของ น.ส.อาเมเรีย ทราบจำนวนเงินที่มีการวิ่งเต้นคดีหรือไม่ นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ตนทราบเพียงว่ามีการเบิกเงินจาก จ.ภูเก็ต ของธนาคารกรุงเทพ จำนวนมาก หลักหลายล้านบาท ซึ่งตนบอกรายละเอียดมากไม่ได้ แต่เอาเป็นว่ามีหลักฐานการเบิกเงินอย่างแน่นอน
ต่อข้อซักถามที่ว่า ผู้เกี่ยวข้องในขบวนการนี้เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจกี่นาย และพลเรือนกี่คน นายอัจฉริยะ กล่าวว่า เป็นพลเรือนไม่ต่ำกว่า 4 คน ตำรวจก็ 2 คนขึ้นไป แบ่งหน้าที่กันทำชัดเจน จะเป็นพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีหรือไม่ ยังตอบไม่ได้ แต่มีพยานหลักฐานชัดเจน
ผู้สื่อข่าวถามว่า หนักใจหรือไม่ที่ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด จะเดินทางมาพบคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในวันนี้เช่นกัน นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ก็เรื่องของเขา เพราะตนร้องเรียนตำรวจ ทำไมเขาต้องร้อนตัว ถามว่าเจอกันได้ไหม ไม่เจออยู่แล้ว เดี๋ยวผมไปสอบปากคำ ไม่รู้จะเจอไปทำไม
ต่อข้อซักถามว่าตั้งข้อสังเกตหรือไม่ว่า ทำไมวันนี้ ทนายษิทรา ถึงต้องรีบนำเอกสารหลักฐานต่างๆ เข้ามาให้คณะกรรมการ นายอัจฉริยะ กล่าวว่า จริงๆ แล้ว มันผิดปกติอยู่แล้ว เพราะตนไม่ได้ร้องเรียนเขา เขาเกี่ยวข้องอะไรด้วย ทำไมต้องพา น.ส.อาเมเรีย เข้ามา เพราะมันใกล้อุทธรณ์ เขากลัวว่าถ้าเกิดอัยการยื่นอุทธรณ์ เขาต้องสู้คดีต่อ ซึ่งตนก็บอกไว้อยู่แล้วว่า ภายในวันจันทร์(24 ก.ย.) จะยื่นคำร้องต่ออัยการ ให้มีการอุทธรณ์คดีนี้ เพื่อให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาคดีนี้อีกครั้งหนึ่ง โดยพยานหลักฐานที่จะนำไปยื่นเป็นพยานบุคคล 3 ราย ที่ยืนยันว่า น.ส.อาเมเรีย ค้ายาเสพติด
“สาเหตุที่ออกมาเปิดโปงแก๊งดังกล่าว เนื่องจากตนทำการตรวจสอบมาหลายเดือนแล้ว และทราบว่าทนายความคนดังกล่าวมีพฤติการณ์อย่างไร ไม่ใช่ว่าเราทำงานร่วมกัน แต่ผมเฝ้าติดตามพฤติกรรมเค้ามาโดยตลอด ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้ง หากเป็นเรื่องไม่จริง ผมก็ต้องรับผิดชอบ คนอย่างผมทำอะไรผมรับผิดชอบ ผมลูกผู้ชายพออยู่แล้ว ผมทำทุกอย่างเพื่อความถูกต้อง คดียาเสพติดเป็นเรื่องของบ่อนทำลายชาติ คนที่รับเงินยาเสพติด เป็นคนที่ทำลายชาติบ้านเมือง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับปัญหาการขัดแย้งส่วนตัว ทุกอย่างทำตามพยานหลักฐาน ซึ่งถ้าเรื่องไม่มีมูล ผบช.น. คงไม่ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพราะเราพาพยานบุคคลมาหา ผบช.น.แล้วครั้งหนึ่ง” นายอัจฉริยะ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอัจฉริยะ ได้ขึ้นไปพบ พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.น. ที่ห้องทำงาน พร้อมยื่นเอกสารและหลักฐานเพิ่มเติม โดยไม่ให้สื่อมวลชนติดตามเข้าไป ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนจะเดินทางกลับ