'ธนาลงกรณ์' ขายหุ้น 'ซาบีน่า' 28% รับ 2.5 พันล้าน

'ธนาลงกรณ์' ขายหุ้น 'ซาบีน่า' 28% รับ 2.5 พันล้าน

กลุ่ม "ธนาลงกรณ์" เสนอขายหุ้นให้กองทุนไทยและต่างประเทศ 28% รับเงิน 2.5 พันล้านบาท อ้างเพื่อเพิ่มฟรีโฟรท

นายวิโรจน์ ธนาลงกรณ์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) หรือ SABINA ได้เสนอขายหุ้นสามัญเดิมจำนวน 100 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 28.78 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัทฯ ที่ราคา 25 บาทต่อหุ้น เพื่อเพิ่มสัดส่วนหุ้นที่สามารถซื้อขายเปลี่ยนมือได้ (Free Float) เสริมสร้างสภาพคล่องของหุ้น รวมถึงเพิ่มสัดส่วนของนักลงทุนสถาบันที่มีคุณภาพทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อให้เกิดเสถียรภาพของราคาหุ้น SABINAในตลาดรอง

ทั้งนี้ ภายหลังการเสนอขายในครั้งนี้กลุ่มนายวิโรจน์ ธนาลงกรณ์ และครอบครัวจะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท มีสัดส่วนการถือหุ้นรวมกันทั้งสิ้นเท่ากับร้อยละ 51.86 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัทฯ โดยนายวิโรจน์ ธนาลงกรณ์จะยังคงเป็นประธานกรรมการบริษัทฯ และเป็นผู้ร่วมกำหนดทิศทางการดำเนินงานของบริษัทฯ ร่วมกับกรรมการท่านอื่นๆ ดังเดิมโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง

นายวิโรจน์กล่าวถึงเหตุผลในการขายหุ้นครั้งนี้ว่า จากการที่ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทฯ ได้มีการนำเสนอข้อมูลให้กับนักลงทุน (Roadshow) ในช่วงที่ผ่านมา พบว่ามีนักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศแสดงความสนใจที่จะลงทุนในหุ้นของบริษัทฯเป็นจำนวนมาก เนื่องจากชื่นชมนโยบายการบริหารงานที่มีความคล่องตัว สามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ที่มีความผันผวนรวมถึงความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เป็นผลให้สามารถสร้างการเติบโตทั้งรายได้และความสามารถในการทำกำไรในระดับที่สูงกว่าอุตสาหกรรมโดยรวม

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนดังกล่าวมีข้อจำกัดในการลงทุนในหุ้นของบริษัทฯ เนื่องจากมีข้อจำกัดด้านสภาพคล่องและหุ้นมีความผันผวนค่อนข้างมาก จึงสอบถามมาทั้งทางบริษัทฯ และทางตนเองเกี่ยวกับแนวทางที่จะปรับปรุงเรื่องดังกล่าว

“ส่วนตัวผมไม่ได้มีความจำเป็นและไม่ได้อยากจะขายหุ้น แต่ได้รับการติดต่อมาจากนักลงทุนสถาบันหลายรายที่สนใจลงทุนในหุ้น SABINA ซึ่งทุกรายพูดถึงปัญหาเรื่องสภาพคล่อง และการผันผวนของราคาหุ้น เนื่องจากเดิมเราไม่มีฐานนักลงทุนสถาบันเลยการที่ผมตัดสินใจขายหุ้นในครั้งนี้ ผมเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อราคาหุ้นของบริษัทฯ และผู้ถือหุ้นทุกคนในระยะยาว นักลงทุนที่ลงทุนในครั้งนี้ส่วนมากก็เป็นกองทุนชั้นนำของประเทศ รวมถึงกองทุนระดับโลก เช่น กองทุน Templeton และ Capital Group เป็นต้น ซึ่งน่าจะส่งผลดีในเรื่องของสภาพคล่องและจะช่วยลดความผันผวนของราคาหุ้น เพราะเราจะมีฐานนักลงทุนสถาบันที่มีคุณภาพในสัดส่วนที่ใหญ่ขึ้นมาก ซึ่งจะส่งผลให้เสถียรภาพของราคาหุ้นดีขึ้น” นายวิโรจน์ กล่าวเสริม

สำหรับการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้เป็นการเสนอขายให้แก่นักลงทุนในวงจำกัด(Private Placement) ด้วยวิธีการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์และประมูลราคากับนักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศแบบข้ามคืน (Overnight Global Bookbuilding) โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นโดยได้รับความสนใจและการตอบรับเป็นอย่างสูงจากนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยสัดส่วนหุ้นที่สามารถซื้อขายเปลี่ยนมือได้ (Free Float) ของบริษัทฯ จะเพิ่มจากเดิม ร้อยละ19.4 เป็นร้อยละ 48.14