สั่ง57จังหวัด ระวังพายุมังคุดถล่ม18-20ก.ย.นี้

สั่ง57จังหวัด ระวังพายุมังคุดถล่ม18-20ก.ย.นี้

กอปภ.ก. สั่งการ 57 จังหวัด เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์อุทกภัย ดินโคลนถล่ม และคลื่นลมแรง จากอิทธิพลของพายุ "มังคุด" ในช่วงวันที่ 18-20ก.ย.นี้

กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ประสานจังหวัดเตรียมพร้อมรับมือภาวะฝนตกเพิ่มขึ้นจากอิทธิพลของพายุ "มังคุด" (MANGKHUT) ในช่วงวันที่ 18 – 20 กันยายน 2561 อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม และคลื่นลมแรง โดยประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมด้านสรรพกำลังและเครื่องจักรกลสาธารณภัย รวมถึงจัดชุดเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตลอดจนจัดชุดเคลื่อนที่เร็วประจำพื้นที่เสี่ยงภัย เพื่อให้เข้าถึงพื้นที่เกิดเหตุและให้ความช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที และพื้นที่ติดชายฝั่งทะเลขอให้งดการเดินเรือในระยะนี้

นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะผู้อำนวยการกลางกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า พายุ "มังคุด" (MANGKHUT) จะส่งผลกระทบต่อประเทศไทย โดยช่วงวันที่ 18 – 19 กันยายน 2561 ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีฝนตกหนักเพิ่มมากขึ้น และช่วงวันที่ 18 – 20 กันยายน 2561 คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย คลื่นสูง 2 - 4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร ทั้งนี้ กอปภ.ก.จึงได้สั่งการจังหวัด 57 จังหวัด รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัย เฝ้าระวังสถานการณ์อุทกภัย ดินโคลนถล่ม และคลื่นลมแรง ในช่วงวันที่ 18 – 20 กันยายน 2561 ดังนี้

เฝ้าระวังสถานการณ์อุทกภัย แยกเป็น ภาคเหนือ ได้แก่ แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ น่าน ตาก กำแพงเพชร สุโขทัย อุตรดิตถ์ พิษณุโลก พิจิตร เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ และอุทัยธานี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ เลย หนองบัวลำภู หนองคาย อุดรธานี บึงกาฬ สกลนคร นครพนม กาฬสินธุ์ และมุกดาหาร ภาคกลาง ได้แก่ กาญจนบุรี สุพรรณบุรี ราชบุรี นครปฐม ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ระยอง จันทบุรี ตราด เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์

ภาคใต้ ได้แก่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล เฝ้าระวังสถานการณ์คลื่นลมแรง ได้แก่ ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล เฝ้าระวังสถานการณ์ดินโคลนถล่มและน้ำป่าไหลหลาก ได้แก่ แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย น่าน อุตรดิตถ์ นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี ตราด สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล โดยจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ และเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมจัดเตรียมชุดเคลื่อนที่เร็ว เครื่องมืออุปกรณ์ และเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยให้พร้อมใช้งาน กรณีเกิดสถานการณ์ภัยในพื้นที่ให้ประสานการปฏิบัติกับหน่วยทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างทันท่วงที รวมถึงติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำ ประจำจุดเสี่ยงภัยตามแผนเผชิญเหตุอุทกภัยของจังหวัด เพื่อเพิ่มศักยภาพในการระบายน้ำ โดยเฉพาะที่ลุ่มริมฝั่งแม่น้ำ ที่ลาดเชิงเขา ชายฝั่งทะเล และจุดอ่อนน้ำท่วมขัง

พร้อมตรวจสอบเขื่อน ฝาย อ่างเก็บน้ำ คันกั้นน้ำให้อยู่ในสภาพมั่นคงแข็งแรง สำหรับพื้นที่เสี่ยงคลื่นลมแรง ให้ประสานหน่วยงานเจ้าท่าประมง และตำรวจน้ำออกลาดตระเวนแจ้งเตือนการเดินเรือทุกประเภท ให้เดินเรือด้วยความระมัดระวังและงดการเดินเรือ หากทะเลมีคลื่นสูงและกำลังแรง รวมถึงเน้นย้ำให้มีการตรวจสภาพความพร้อมและความปลอดภัยก่อนออกเรือทุกครั้ง สำหรับประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ขอให้ติดตามพยากรณ์อากาศและประกาศเตือนภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมปฏิบัติตามคำเตือนอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ สามารถติดต่อแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือได้ที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสาขาในพื้นที่ หรือสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป