มทภ.4 ยันจนท.ไม่ได้ละเมิดสิทธิ์ปิดล้อมหมู่บ้าน หาตัวคนร้ายยิง2ทหารพราน

มทภ.4 ยันจนท.ไม่ได้ละเมิดสิทธิ์ปิดล้อมหมู่บ้าน หาตัวคนร้ายยิง2ทหารพราน

มทภ.4 ยันจนท.ไม่ได้ละเมิดสิทธิ์ปิดล้อมหมู่บ้านหาตัวคนร้ายลอบยิง 2 ทหารพรานเสียชีวิต บอกใช้กฎหมายพิเศษดำเนินการดูแลความปลอดภัยปชช. ลั่นทำตามขั้นตอนมีพยาน-หลักฐาน จวกคนชั่วทำผิดหนีไม่พ้น 

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 18 ก.ย. ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถ.ราชดำเนิน พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวถึงกรณีที่มีชาวบ้านเรียกร้องคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ว่าถูกเจ้าหน้าที่ทหารละเมิดสิทธิมนุษยชน เนื่องจากเข้าไปปิดล้อมหมู่บ้าน หลังจากที่มีการประกาศควบคุมพื้นที่พิเศษตาม พ.ร.บ.กฎอัยการศึก ควบคุมอาวุธปืน เรือและยานพาหนะที่ต้องนำมาลงทะเบียนในพื้นที่ 2 ตำบล ในอ.หนองจิก จ.ปัตตานี เป็นเวลา 7 วัน เพื่อเร่งจับคนร้าย 8 คนมือยิง 2 ทหารพรานเสียชีวิตว่า ไม่ได้มีการประกาศใช้กฎอัยการศึก แต่เป็นการใช้กฎหมายพิเศษธรรมดา เพื่อให้ชาวบ้านมาแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการนำเรือ รถ และปืนออกมาให้ทางอำเภอได้ตรวจสอบว่าใครเป็นเจ้าของ และนำมาขึ้นทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชน แต่หากถามว่าความรุนแรงในพื้นที่จะจบลงได้เมื่อไหร่นั้นก็ต่อเมื่อชาวบ้านมีรอยยิ้มและอยู่ในพื้นที่อย่างมีความสุข เพราะตนไม่ได้กำหนดเวลาว่าความสงบในพื้นที่จะต้องจบภายในเวลา 5 วันหรือ 7 วัน 

เมื่อถามว่ามีการตั้งข้อสงสัยว่าเจ้าหน้าที่อาจจะดำเนินการจับกุมผิดตัวหรือไม่ พล.ท.ปิยวัฒน์ กล่าวว่า ถ้าเป็นภาษาชาวบ้านจะบอกว่าเป็นมุกเก่าที่ใช้ เพราะเมื่อ 10 กว่าปีก็มีการใช้คำพูดแบบนี้กล่าวหาว่าไปกลั้นแกล้งประชาชน ซึ่งยืนยันว่าการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ทุกอย่างมีพยานหลักฐาน และเมื่อได้ตัวคนร้ายมาแล้วก็มาตรวจดีเอ็นเอ รวมถึงพยานแวดล้อม ส่วนใหญ่คนที่ถูกเชิญตัวมาก็จะถูกต้องและถูกตัวแน่นอน ซึ่งในกรณียิงทหารพราน 2 นายเสียชีวิตขณะนี้ได้มีการนำตัวผู้ต้องสงสัยมาสอบปากคำเรียบร้อยแล้ว และรับสารภาพแล้ว 4 คนว่าเป็นคนยิงทหารพรานโดยใช้ปืนลูกซอง อีกทั้งสารภาพว่าใครใช้ปืนกระบอกไหน ใครเป็นเจ้าของบ้านเพื่อรวมตัวกัน และใช้เรือของใคร รวมทั้งใครเป็นคนชี้เป้า 

“ตอนนี้เราได้ชื่อผู้ที่ก่อเหตุดังกล่าวทั้งหมดแล้ว ผมบอกแล้วว่าพวกทำชั่วถึงอย่างไรก็หนีไม่พ้น เราเจอตัวแน่นอนอยู่แล้ว เพราะมีชาวบ้านช่วยดูแลและมีเครื่องมือพิเศษ ส่วนแม่ทัพภาคที่ 4 คนใหม่ เรายังคงยึดนโยบายการแก้ไขปัญหาในพื้นที่เหมือนเดิม แต่นโยบายการทำงานส่วนตัวก็เป็นเรื่องของแต่ละคน ใครมีความคิดที่ดีๆก็ทำ และเชื่อว่าทุกคนจะนำสิ่งที่ดีๆมาใช้ ทั้งนี้พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ ว่าที่แม่ทัพภาคที่ 4 คนใหม่ อยู่ในพื้นที่มาตลอด คิดว่าคงมีแนวความคิดของตนเองที่อยากจะทำก็สามารถนำมาทำได้เพื่อช่วยกันแก้ไขปัญหาในพื้นที่ อย่างไรก็ตามสถานการณ์ในพื้นที่ผมคิดว่าดีขึ้นตามลำดับ และไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง ในพื้นที่ชายแดนภาคใต้เจ้าหน้าที่ยังคงทำงานเหมือนเดิม ส่วนการสับเปลี่ยนกำลังก็เป็นไปตามปกติเหมือนทุกปี” พล.ท.ปิยวัฒน์ กล่าว

เมื่อถามว่าที่ผ่านมาเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่อาจจะไม่ค่อยเป็นข่าว แต่กลับมาเป็นข่าวมากขึ้นในช่วงนี้ เพราะเป็นอยู่ในช่วงรอยต่อตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 4 และผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)หรือไม่ พล.ท.ปิยวัฒน์ กล่าวว่า คิดว่าไม่ เช่นเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น 10 เหตุการณ์ ก็แบ่งเป็นเรื่องส่วนตัว 8 เรื่อง เช่น การพนัน ชู้สาว ยาเสพติด ทะเลาะวิวาท เป็นต้น แต่เราไม่ออกเป็นข่าว แต่ถึงอย่างไรความจริงก็คือความจริง อยากให้สื่อมวลชนช่วยดูว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเกิดขึ้นเพราะอะไร ส่วนเรื่องความมั่นคงบางครั้งก็มีการแอบอ้างขึ้นมาว่าเป็นขบวนการต่างๆ ตนบอกเสมอว่าอย่าปลุกผีขึ้นมา เพราะผีมันจบไปแล้ว อีกทั้งผู้ที่เคยอยู่ในขบวนการก็บอกเองว่ามีคนเอาชื่อของพวกเขาไปใช้แอบอ้าง โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฎหมาย นอกจากนี้ต้องยอมรับว่าคนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีปัญหาเพราะเขานิยมมีลูกมากทำให้ยากจน จนบางครั้งไปหลงผิดเข้าวงจรอุบาท เช่นการรับจ้างโรยตะปูเรือใบ ตัดต้นไม้ เผายางรถยนต์ และชี้เป้า เพื่อให้ได้เงินมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และก็แอบอ้างว่าอยู่นั้นขบวนการต่างๆ ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วไม่มีขบวนการต่างๆเหล่านั้น บางครั้งก็มีการปลุกผีขึ้นมาเพื่อหางบประมาณ ทั้งที่ความเป็นจริงเรื่องเหล่านี้จบไปนานแล้ว

เมื่อถามว่าผ่านมา 2 ปีพอใจกับการทำงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่ พล.ท.ปิยวัฒน์ กล่าวว่า ก็รู้สึกพอใจผลการทำงานที่ผ่านมา แต่ที่ยังคาใจอยู่คือการที่มีคนชอบบอกว่าไทยพุทธไม่อยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้แล้ว ตนยืนยันว่าชาวไทยพุทธก็ยังอยู่ในพื้นที่เหมือนเดิม อย่าไปพูดเพียงเพราะว่าสนุกปาก เพราะประเทศชาติจะเดือดร้อน แก่แล้วก็อย่าแก่เลย อย่านำคำพูดสิ่งเก่าๆมาทำให้คนรุ่นใหม่เข้าใจผิด