รัฐบาล ยันไม่เคยคุกคามสิทธิมนุษยชน

รัฐบาล ยันไม่เคยคุกคามสิทธิมนุษยชน

รัฐบาลแจงปม "ยูเอ็น" ย้ำไทยไม่มีนโยบายข่มขู่คุกคามนักสิทธิมนุษยชน ทูตเตรียมชี้แจงสัปดาห์หน้า

เมื่อวันที่ 15 กันยายน พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆากประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้รับทราบรายงานของกระทรวงการต่างประเทศ เกี่ยวกับกรณีที่องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เปิดเผยรายงานประจำปี แจงรายชื่อ 38 ประเทศว่าเป็น “ประเทศที่น่าละอาย” โดยอ้างว่ามีการปฏิบัติไม่ดีต่อนักสิทธิมนุษยชน หรือผู้ให้ความร่วมมือกับกลุ่มสิทธิมนุษยชน

โดยรายงานประจำปีฉบับนี้จัดทำขึ้นโดยผู้ช่วยเลขาธิการสหประชาชาติด้านสิทธิมนุษยชน ซึ่งจะใช้ประกอบการประชุมคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนของยูเอ็นในสัปดาห์หน้า ซึ่งไทย ถูกระบุถึงกรณีนายไมตรี จำเริญสุขสกุล และ น.ส. ศิริกาญจน์ เจริญศิริ (ทนายจูน) และนำเรื่องที่ติดตามจากรายงานปีก่อน เช่น กรณีฟ้องร้องนักปกป้องสิทธิมนุษยชนในจังหวัดชายแดนภายใต้ ซึ่งเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการให้ความร่วมมือตามกลไกด้านสิทธิมนุษยชน เพราะขั้นตอนทุกอย่างเป็นไปตามหลักกฎหมายและระเบียบ

พล.ท.สรรเสริญ กล่าวด้วยว่า นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า รัฐบาลไม่มีนโยบายหรือเจตนา คุกคาม ข่มขู่ นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน และยังให้ความสำคัญกับการปกป้องคุ้มครองนักสิทธิมนุษยชนให้มีความปลอดภัยและสามารถใช้สิทธิเสรีภาพในการปฏิบัติงานและดำรงชีวิตได้ โดยการแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อพัฒนามาตรการคุ้มครองนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนที่เสี่ยงต่อการถูกละเมิด รวมถึงได้ปรับปรุง พ.ร.บ.คุ้มครองพยานในคดีอาญา พ.ศ. 2546 และบรรจุเรื่องของนักสิทธิมนุษยชนเป็นหนึ่งในประเด็นหลักของร่างแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ 4 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในปี 2562 – 2566

ทั้งนี้ ในสัปดาห์หน้าทูตไทยประจำยูเอ็น จะไปร่วมรับฟังการนำเสนอรายงานนี้ และจะใช้โอกาสชี้แจงข้อเท็จจริงให้ชัดเจน พร้อมชี้แจงถึง กรณีที่การที่สื่อหลายสำนักพาดหัวข่าวทำนองว่า “ยูเอ็นขึ้นบัญชีดำ” ไทย นั้น อาจเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เพราะเรื่องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องของยูเอ็นโดยตรง แต่เป็นเรื่องของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนฯ หรือ UNHRC (UNHCR เดิม) ซึ่งกล่าวถึงประเทศที่เข้าข่ายละเมิดสิทธิมนุษยชน ไม่ใช่การขึ้นบัญชีดำ แต่อย่างใด