นายกฯ สวดมนต์ทุกคืนให้มีสติไม่โต้ใคร-คิดถึงสมัย 'ป๋าเปรม'

นายกฯ สวดมนต์ทุกคืนให้มีสติไม่โต้ใคร-คิดถึงสมัย 'ป๋าเปรม'

"ประยุทธ์" เผยวันหน้า "อำนาจรัฐ-กม." คนจะปฏิเสธทั้งหมดชี้เป็นวิกฤติปชต. งง "ศุภชัย" ปัดลงการเมืองแต่คนไม่ทำอะไรเลย กลับอยากเผยสวดมนต์ทุกคืนนึกถึง "ป๋าเปรม" ไม่ตอบโต้

เมื่อวันที่ 12 ก.ย.61 เวลา 15.30 น. ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เป็นประธานเปิดงานประกาศความร่วมมือ "การสร้างวัฒนธรรมการมีส่วนร่วมด้านการศึกษา" ภายใต้โครงการสานพลังประชารัฐ CONNEXT ED พร้อมปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ "การศึกษากับการเตรียมคนไทยในอนาคต"

โดยนายกฯ กล่าวตอนหนึ่งว่า การศึกษาเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด และเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาประเทศ วันนี้ อนาคต อดีต ปัจจุบันพันกันมั่วไปหมด พวกเรากำลังเดินไปข้างหน้า แต่ก็มีอีกพวกดึงขาซ้ายอีกพวกก็ดึงขาขวา ดึงไปข้างหน้าบ้างข้างหลังบ้าง เซไปเซมา แต่เราก็มีหลักชัยที่จะพัฒนาประเทศ ถ้าเป็นทหารก็เรียกว่ากำลังต่อสู้กับอริราชศัตรู แต่เรากำลังต่อสู้กับความไม่รู้ เราจึงต้องปรับตัวปรับประเทศให้สอดคล้องกับการบริหารราชการ โลกปัจจุบันกำลังเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรมยุคที่ 4 รัฐบาลจึงได้คิดคำและพัฒนาให้เป็นประเทศไทยแลนด์ 4.0 หลายคนยังไม่รู้ว่าเราอยู่ตรงไหน แล้วไอ้คนที่ไม่รู้ก็มาออกมาแสดงความคิดเห็นในโซเชียลมีเดียจำนวนมาก

ส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้จริง แต่ชอบแสดงความคิดเห็นต่าง ๆ ออกมา โดยที่ตัวเองไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลย แต่ขอแสดงความคิดเห็น นี่ไงโลกเปลี่ยนแปลง วันหน้าอำนาจรัฐกฎหมายคนจะปฏิเสธทั้งหมด เป็นวิกฤติในอนาคต โลกประชาธิปไตย การใช้โซเชียลมีเดีย ใช้ระบบดิจิตอลในทุกๆเรื่อง ซึ่งรัฐไม่สามารถควบคุมได้ วันนี้เราจึงกำลังสร้างความเข้มแข็งโดยใช้ระบบการศึกษา ซึ่งจะมีส่วนร่วมในการพัฒนาคน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลทำทุกวันนี้คือการบรรเทาความเดือดร้อน ลดความเหลื่อมล้ำ และมีการใช้จ่ายในระบบ จึงได้มีการกำหนดยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีขึ้นมา เราจึงต้องสอนให้ทุกคนมีการปรับตัวมีการพัฒนาตนเอง ปัญหาที่พูดมานั้นเกิดขึ้นมาตลอดเวลาพูดง่าย ๆ คือ 80 ปี ที่ผ่านมาของประชาธิปไตย ก็เป็นแบบนี้ ช้าเกินไปหรือไม่ เรายังมัวติดกับดักปัญหาความขัดแย้ง ติดกับดักความไม่รู้ เราจึงต้องสร้างความเข้าใจใหม่ทั้งหมด การปฏิรูปการศึกษาจึงเป็นส่วนหนึ่ง เช่น เด็กมีการบ้านน้อยลง

ส่วนตัวจึงเห็นว่าควรที่จะให้เด็กมีการบ้านที่พอเหมาะพอควร และหาวิธีให้การบ้านที่มีแรงดึงดูดใจ ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องต้องไปหามาให้ได้ อย่ามองแต่สิ่งที่ใกล้ตัวอย่างเดียว ตนก็ยังพยายามมองสิ่งที่ไกลตัว พยายามดูภาพยนตร์ต่างประเทศเพื่อดูว่าบ้านเมืองคนอื่นเป็นอย่างไร ถ้ามองโลกสวยอย่างเดียวมันก็ได้ แต่ข้อเท็จจริงเป็นไปไม่ได้

เราต้องรู้ว่าวันนี้เรายืนอยู่ตรงไหนของโลก เขารบแบบที่เรารบกันตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาเลิกทำแบบนี้กันมานานแล้ว ประเทศมหาอำนาจบางประเทศโตช้ากว่าเราด้วยซ้ำ แต่เขาเบื่อความขัดแย้ง เพราะไม่เกิดประโยชน์อะไร การสู้รบกันก็ตายเปล่าทั้งสิ้น แล้วทำไมเราไม่ขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกันที่เป็นประโยชน์ วันนี้เขาคิดแบบนี้กันทั้งโลก เว้นแต่ประเทศมหาอำนาจบางประเทศ แต่เราไม่ใช่มหาอำนาจ แต่ถ้าเราไม่ขัดแย้งกันทุกวัน ป่านนี้เราเป็นมหาอำนาจแล้ว ซึ่งผมก็กลัว มหาอำนาจคือความขัดแย้งอันดับหนึ่ง ประวัติศาศาสตร์วันนี้เกิดจากอดีตที่ผ่านมา

เราทำวันนี้เพื่อประวัติศาสตร์วันข้างหน้า วันนี้เราต้องสอนคนให้รักในทางที่ถูก เพราะแผ่นดินผืนนี้ฐานที่ทำให้คนเกิดและคนตาย ยืนวันนี้ใช้พื้นที่ไม่เกินหนึ่งตารางฟุต นอนตายลงไปไม่เกิน 2 เมตร มันจะอะไรกันนักหนา เราจึงควรเผื่อแผ่แบ่งปันลดความเหลื่อมล้ำ แก้ไขความไม่เท่าเทียม ประชาธิปไตยอย่างไรก็ต้องเกิดบนโลกใบนี้ มันห้ามกันไม่ได้ กฎหมายกฎระเบียบเป็นสิ่งสำคัญทำให้เกิดความเป็นธรรม และความเท่าเทียมของโอกาสไม่ว่าจะยากดีมีจน ทุกคนก็ต้องเคารพกฎหมาย เว้นแต่พวกผู้มีอิทธิพล พวกแสวงหาผลประโยชน์เป็นคนละพวกต้องเอาไปติดคุก ใครไม่ทำตามกติกาก็ต้องติดคุก โดยต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบของกระบวนการยุติธรรม" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า วันนี้เราพัฒนาโลกไปอย่างรวดเร็ว ผ่านสังคมโซเชียลมีเดีย จากการแพร่ข่าวสารไม่กี่นาทีทั้งโลกรู้ เรื่องจริงบ้างไม่จริงบ้างคนตัดสินไปหมดแล้ว เรื่องนี้ต้องไปสร้างหลักคิดว่าควรทำอย่างไร ต้องมีหลักคิดที่ถูกต้อง มีหลักการและเหตุผล สร้างภูมิคุ้มกัน เพิ่มพูนความรู้ด้านคุณธรรม การจะตามโลกยุคใหม่ให้ทัน เราต้องกำหนดตัวเอง และต้องรู้ว่าอยู่จุดไหน เราต้องสอนคนให้มีคุณภาพ ไม่เช่นนั้นก็จะตีกันไปมา คนเป็นครูนอกจากสอนแล้วจะต้องเปิดโอกาสให้เด็กตั้งคำถามได้ด้วย ไม่ใช่สอนตลอดทั้งชั่วโมง ครูสอนดีมากแต่นักเรียนสอบตก

เราอย่าหนีความเป็นจริง ผมเองก็เป็นคนชอบตั้งคำถามแต่ครูก็ไม่เปิดโอกาสให้ถาม ครูส่วนใหญ่สอนเต็มชั่วโมง จนส่งผลให้วันนี้ทำให้ผมพูดมาก วันนี้ผมก็เลยกลายเป็นครู แม่และเมียก็เป็นครู แต่ทุกวันนี้ทุกคนก็เป็นครูของผม และคิดว่าอาชีพที่ดีที่สุดของวันนี้ที่สามารถเป็นอะไรได้ทุกอย่างไม่ใช่ทหารแต่น่าจะเป็นหมอ เป็นได้ทั้งรัฐมนตรี ปลัดกระทรวง เพราะเป็นคนฉลาด แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับชะตาชีวิตและต้นทุนทางสังคมและครอบครัว

แต่วันนี้ผมถามคุณศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ ในฐานะประธานว่าจะลงเล่นการเมืองไหม ปฏิเสธทันทีว่า ไม่เอา แต่ทำไมคนที่ไม่ทำอะไรเลยอยากจะมาเล่นการเมือง ผมไม่เข้าใจ เขาประสบความสำเร็จ แต่ไม่ทนทรมาน เหมือนผมทน ถามว่าผมทนไหม ผมทนอึดยิ่งกว่ายางมิชลิน เด้งซ้ายเด้งขวาแต่สู้ได้ ถ้ามีกำลังใจแบบทุกวันนี้ก็สู้ตายไม่กลัว

ผมเองเป็นเพียงผู้นำทางพวกเราทุกคนเดินไปข้างหน้า มีอุปสรรคอะไรรัฐบาลจะได้แก้ โดยไม่ต้องการสิ่งตอบแทน เพราะถือเป็นหน้าที่ของเราทุกคนทำเพื่อแผ่นดินของเรา ซึ่งภายในประเทศของเราอยู่กันอย่างมีความสุขมาโดยตลอด ถ้าพูดถึงสมัยก่อนเรารบกันภายในไม่มี ส่วนใหญ่เผชิญอธิปไตยภายนอก พอถึงต้นรัตนโกสินทร์ก็ลดลงไปเรื่อยๆ แต่ต่างประเทศก็ยังมีอยู่ ของเราไม่ค่อยมี วันนี้ก็เลยเอาสักหน่อย แต่วันนี้ทุกอย่างก็ดีขึ้นแล้วเพราะเวลาผมไปต่างจังหวัดก็ขอความมั่นใจจากประชาชนอย่าทำร้ายประเทศของเราอีกเลย

ผมก็สัญญาในใจของผมแล้วว่า จากวันนี้ไปจะไม่ตอบโต้ใครอีกแล้ว แต่ดันอดไม่ได้สักที ผมสัญญาทุกวัน สวดมนต์ก่อนนอน พรุ่งนี้อย่าพลาดอย่าตอบคำถามใคร คำถามสื่อที่ไม่เข้าหูก็อย่าไปตอบ นึกถึงภาพอดีตนายกรัฐมนตรีทุกคน คำว่า กลับบ้านเถอะลูก ผมก็พยายามจะพูดเมื่อคิดได้ เพราะวันนี้เรากำลังเผชิญปัญหา ที่ผ่านมาก็หนักวันนี้ก็หนัก เป็นคนละแบบกันเพราะโลกกว้างขึ้น ความขัดแย้งจึงมีสูง ผมเข้ามาเริ่มตั้งแต่ต่ำกว่าศูนย์ แม้แต่จีดีพี อยู่ที่ร้อยละ 0.9 มันดีตรงไหน วันนี้โตขึ้นร้อยละ 4.8 แล้วบอกว่า 4.5 ก็ไม่ดี ไม่รู้ว่าจะเอาอย่างไรกัน วันนี้เรากำลังเผื่อแผ่เพิ่มรายได้ให้กับผู้มีรายได้น้อย สร้างความรับผิดชอบต่อสังคมไปด้วยกัน รัฐบาลมีหน้าที่สร้างงานสร้างโอกาสสร้างรายได้ เราอยากได้อยากดีแบบต่างประเทศ แต่ไม่มีวิธีคิดที่ถูกต้องไม่มีฮาวทูดู แต่คนที่จะทำให้ทุกอย่างเดินหน้าไปได้คือรัฐบาล ซึ่งต้องทำอย่างที่ผมได้คิดไว้ อาจจะมีผิดบ้างถูกบ้างแต่อย่าทำให้ผิดกฎหมาย