สหรัฐคว่ำบาตรอิหร่านฉุดราคาน้ำมันดิบพุ่งกว่า2%

สหรัฐคว่ำบาตรอิหร่านฉุดราคาน้ำมันดิบพุ่งกว่า2%

สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าเวสต์เท็กซัส สหรัฐ ปิดตลาดวันอังคาร (11ก.ย.)ตามเวลาสหรัฐ ปรับตัวขึ้น ขณะที่อิหร่านลดการส่งออกน้ำมัน เพราะได้รับผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนต.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาดไนเม็กซ์  บวก 1.71 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดตลาดที่ 69.25 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ปรับตัวขึ้น 1.69 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 79.06 ดอลลาร์/บาร์เรล

ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 6 ส.ค.เพื่ออนุมัติมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่ โดยรื้อฟื้นมาตรการคว่ำบาตรต่อภาคการเงินและอุตสาหกรรมของอิหร่าน ซึ่งมาตรการที่สหรัฐใช้คว่ำบาตรอิหร่าน  ถือเป็นมาตรการรอบแรก ก่อนที่สหรัฐ จะออกมาตรการคว่ำบาตรรอบ 2 ในเดือนพ.ย. ซึ่งจะพุ่งเป้าไปยังการทำธุรกรรมของธนาคารกลาง การส่งออกน้ำมัน และการขนส่งสินค้าทางเรือของอิหร่าน

นายเฟอเรดุน เฟชาราคิ ประธานและผู้ก่อตั้งบริษัทแฟคส์ โกลบัล เอเนอร์จี ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษา กล่าวว่า การที่สหรัฐ เตรียมใช้มาตรการคว่ำบาตรอุตสาหกรรมพลังงานของอิหร่านในเดือนพ.ย. จะส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเหนือระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งจะเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2557

“ถ้าหากไม่มีมาตรการคว่ำบาตร ราคาน้ำมันจะอยู่ที่ 70 ดอลลาร์ หรือต่ำกว่า แต่แนวโน้มการคว่ำบาตรจะเกิดขึ้นจริง และจะเกิดขึ้นในเวลาอีกไม่ถึง 2 เดือน สิ่งนี้จะทำให้ราคาน้ำมันในตลาดพุ่งขึ้น” นายเฟชาราคิ กล่าว